จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตสะสม จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอินโดนีเซีย ยังคงสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และล่าสุดยังทำสถิติใหม่ ติดเชื้อสูงสุดรายวัน นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศ ขณะที่ทางการจาการ์ตา ยังคงเดินหน้าเจรจาขอซื้อวัคซีน กับบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐ
นายวิกู อาดิซาสมิโต โฆษกกองกำลังโควิด-19 แห่งชาติ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย แถลงในกรุงจาการ์ตา เมื่อเย็นวันพฤหัสบดี (3 ธ.ค.) ยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใหม่อีก 8,369 คน ในระยะ 24 ชั่วโมง จนถึงบ่ายวันพฤหัสบดี ทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมในประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 557,877 คน สูงเป็นอันดับ 21 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นการติดเชื้อใหม่รายวันสูงที่สุด ตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของโควิด-19 ในอินโดนีเซีย ในเดือน มี.ค.ต้นปีนี้ และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเพิ่มอีก 156 คน เป็น 17,355 คน สูงสุดในภูมิภาคเช่นกัน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้ว เพิ่มขึ้นอีก 3,673 คน เป็น 462,553 คน และยังมีผู้ป่วยรักษาอยู่ในระบบ 77,969 คน
จังหวัดปาปัว ทางภาคตะวันออกไกล มีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่สูงสุดรายวัน 1,775 คน ตามด้วยจังหวัดชวาตะวันตก 1,648 คน และกรุงจาการ์ตา เมืองหลวง 1,153 คน
นายวิกูเผยอีกว่า รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเร่งเจรจากับบริษัทผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่ ไฟเซอร์ ของสหรัฐ เพื่อขอซื้อวัคซีนที่ไฟเซอร์พัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอนเทคของเยอรมนี ซึ่งผลการทดสอบระยะที่ 3 บ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงถึง 95% โดยรัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนเริ่มฉีดวัคซีน ให้ประชาชนทั่วประเทศ ก่อนถึงสิ้นปีนี้ แต่จนถึงขณะนี้อินโดนีเซียยังขาดแคลนตู้แช่วัคซีนแบบพิเศษ เนื่องจากวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอนเทค ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำถึง -70 องศาเซลเซียส แต่หากเก็บในตู้แช่ "แบบปกติ" ภายใต้อุณหภูมิระหว่าง 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส หรือเก็บไว้ภายใต้ "ตู้เย็นทั่วไป" วัคซีนจะมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น.