“สุทิน”ไม่รู้เหตุผล 4 แกนนำ พท.ลาออก

2020-12-01 12:55:27

“สุทิน”ไม่รู้เหตุผล 4 แกนนำ พท.ลาออก

Advertisement

“สุทิน”ไม่รู้เหตุผล 4 แกนนำ พท.ลาออก มั่นใจ “สุดารัตน์”ยังอยู่ในบัญชีนายกฯ

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.)ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ อดีต 3รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหลายคน ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ยังไม่ทราบเหตุผลการตัดสินใจในครั้งนี้ และไม่ทราบว่าบุคคลที่ลาออกไปนั้นจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาหรือไม่ โดยตอนนี้ที่มีความชัดเจนคือการแยกกันทำงาน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าการแยกกันทำงานครั้งนี้เป็นปัจจัยจากรัฐธรรมนูญหรือเป็นยุทธศาสตร์หรือมีปัญหาสั่นคลอนในพรรคเพื่อไทย โดยสามารถมองได้ทั้ง2 แบบ แต่คิดว่ากลุ่มคนที่ลาออกไปยังคงมีอุดมการณ์เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย เพียงแต่อาจมีวิธีการทำงานที่ต่างกัน

เมื่อถามว่า การที่คุณหญิงสุดารัตน์ที่เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลาออกไป พรรคเพื่อไทยจะสามารถรองรับสถานการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีบ้านพักทหาร ของนายกรัฐมนตรีที่อาจเกี่ยวพันกับสถานะของนายกรัฐมนตรีนั้น นายสุทิน กล่าวว่า ยังมีข้อสงสัยในข้อกฎหมายว่าเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ลาออกจากสมาชิกพรรคจะยังคงอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีที่พรรคยื่นไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)หรือไม่ แต่หากเทียบเคียงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จึงคาดว่า คุณหญิงสุดารัตน์น่าจะยังคงอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามไม่ได้เตรียมพร้อมสถานการณ์การอ่านคำวินิจฉัยกรณีบ้านพักหลวงของพล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ แต่เป็นกังวลผลที่จะเกิดจากคำวินิจฉัย โดยหวังว่าคำวินิจฉัยที่ออกมาจะมีเหตุผลทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ 

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่ายังมีปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลอ้างว่าร่างกฎหมายดังกล่าว เข้าข่ายการปฏิรูปประเทศจึงเสนอให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ดังนั้น จะรอฟังคำชี้แจงจากผู้เสนอร่างว่า เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศอย่างไร แต่เบื้องต้นสันนิษฐานว่า รัฐบาลต้องการให้ทางกฎหมายผ่านโดยเร็วเพื่อรองรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออยากให้ผ่านโดยเร็วเพราะมีเนื้อหาบางส่วนที่ไม่ได้เปิดกว้างให้รณรงค์หรือแสดงความคิดเห็น รวมถึงรัฐบาลก็มีเสียงมากกว่าในที่ประชุมร่วมรัฐสภา 

นายสุทิน กล่าวว่า ขณะที่ร่างพ.ร.บ. ประชามติของฝ่ายค้าน จะเสนอไปที่สภาผู้แทนราษฎร แต่ติดปัญหาว่าจะเข้าข่ายเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ ทำให้ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีเซ็นต์รับรองเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลให้เกิดปัญหาว่าร่างกฎหมายฉบับเดียวกันแต่เสนอแยกให้พิจารณาสองสภา หากผ่านการพิจารณาต้องตั้งกรรมาธิการแยก 2 คณะ ซึ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายซับซ้อน อันเป็นผลจากรัฐธรรมนูญที่ไม่บัญญัติเรื่องประเภทกฎหมายให้ชัดว่าควรเข้าสู่การพิจารณาของสภาใด