"เด็กปั๊ม"มึน"หนุ่ม"สั่งเติมน้ำมันเต็มถังก่อนซิ่งรถหนี

2020-11-06 12:40:39

"เด็กปั๊ม"มึน"หนุ่ม"สั่งเติมน้ำมันเต็มถังก่อนซิ่งรถหนี

Advertisement

"เด็กปั๊ม" สุดมึน "หนุ่ม" สั่งเติมน้ำมันเต็มถังก่อนซิ่งกระบะหลบหนี วอนผู้ก่อเหตุกลับมาจ่ายเงิน

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้่ พ.ต.ต.ศิริ จันดีศรี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบเหตุรถกระบะหลบหนีไม่ยอมจ่ายค่าน้ำมันภายในปั๊มน้ำ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายชัยภูมิ-นครสวรรน์ เลขที่ 1 หมู่ที่ 2 ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยที่เกิดเหตุพบ น.ส.หนูเปรียว วิสุพรรณ อายุ 31 ปี พนักงานปั๊มน้ำมัน และผู้จัดการปั๊มน้ำมัน ยืนรอให้การกับทางเจ้าหน้าที่ จากสอบสวนเด็กปั๊มน้ำมัน ทราบว่า ขณะเข้าเวรเป็นพนักงานเติมน้ำมันในช่วงหัวค่ำ มีลูกค้าเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 30 ปี ขับรถกระบะวีโก้สีบรอนด์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดที่บริเวณหัวจ่ายน้ำมันดีเซลหัวจ่ายที่ 1 เพื่อเติมน้ำมัน จากนั้นบอกกับตนว่าให้เติมน้ำมันเต็มถังรวมเป็นเงินทั้งสินจำนวน 1,400 บาท นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังให้ตนเติมน้ำมันใส่ถังพลาสติกที่อยู่ด้านหลังรถจนเต็มถัง รวมเป็นเงินอีก 1,100 บาท โดยหลังจากที่เติมน้ำมันเสร็จ ตนจึงเตรียมเก็บเงิน ระหว่างนั้นคนขับรถกระบะตะโกนบอกว่าไม่จ่าย อยากได้ให้ตามไปเอาเอง ก่อนที่จะขับรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีออกจากปั้มอย่างรวดเร็ว โดยใช้เส้นทางมุ่งเข้าตัวเมืองชัยภูมิ


จากนั้นตนและเพื่อนพนักงานจึงโทรศัพท์ตำรวจ เพื่อให้ช่วยสกัดจับรถคันดังกล่าว แต่ล่าสุดก็ยังไร้วี่แวว ไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร เพราะที่ปั้มดังกล่าวไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด จึงไม่สามารถจับภาพขณะเกิดเหตุได้ และมั่นใจว่าคนร้ายน่าคงจะมาดูลาดเลามาอย่างดีก่อนลงมือ จึงอยากฝากเตือนไปถึงผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันและประชาชนทั่วไป หากพบเจอรถกระบะคันต้องสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมอ้อนวอนคนร้ายขอให้เห็นใจคนหาเช้ากินค่ำที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว ช่วยกลับมาจ่ายเงินด้วย เพราะต้องเป็นผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายเองทั้งหมด


ด้าน พ.ต.ต.ศิริ กล่าวว่าหลัง เข้าจากเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ให้พนักงานปั้มเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ แล้ว พร้อมวิทยุสกัดจับรถคันดังกล่าว และเร่งประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาตัวคนขับรถกระบะ และเจ้าของรถคันดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป