"ดร.ธรณ์" ชี้ระบบนิเวศในทะเลไทยแย่ลง ขยะมาก ส่งผลให้ปูเสฉวนลดน้อยลงจนต้องหาขยะมาเป็นบ้าน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวนิว 18 ถึงกรณีปูเสฉวนในขวดแก้วสะท้อนอะไรหรือไม่ ว่า ปูเสฉวนเป็นปูชนิดหนึ่งซึ่งจะไม่มีกระดอง ตัวจะอ่อนนิ่มเพราะฉะนั้นก็จะต้องการเปลือกหอยในการใช้เป็นบ้าน ปูตัวเล็กก็ใช้เปลือกเล็ก ปูตัวใหญ่ก็จะใช้เปลือกหอยขนาดใหญ่ ซึ่งมีการเปลี่ยนเปลือกหอยเป็นระยะๆ และตอนนี้เริ่มหาเปลือกหอยไม่ได้จึงเอาแก้วแตกๆ กระป๋องปลากระป๋อง หรือแม้กระทั่งท่อพีวีซี มาเป็นเปลือกหอยซึ่งชัดเจนว่าเรื่องหนึ่งคือเรื่องหอยมีน้อยลง เพราะเปลือกหอยอาจจะโดนเก็บจากการใช้หาดน้ำเสียเยอะขึ้น แนวปะการังเปลี่ยนแปลงทำให้เปลือกหอยมีน้อยรวมถึงขยะมีมากขึ้น เลยจำใจต้องเอาขยะมาเป็นบ้านเพราะไม่มีทางเลือก ซึ่งแสดงให้เห็นผลกระทบ 2 ประเภทคือ ทะเลแย่ลงขยะมากขึ้น และลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก จึงมองว่า ปัญหาหลักคือขยะทะเล เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ปูเสฉวนมีบ้านเป็นเปลือกหอย ไม่เอาขยะมาเป็นบ้าน สิ่งที่เราทำได้คือลดขยะทะเลให้มากที่สุด ลดขยะพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งให้มากที่สุด โดยเฉพาะในปัจจุบันยุคโควิดหลายคนอาจจะคิดว่าขยะน้อยลงแต่ไม่ใช่เลยปริมาณขยะพลาสติกใช้แล้วทิ้งมีเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์
ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวต่อว่า ขยะในประเทศไทยมีการศึกษาชัดเจนแล้วว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากแผ่นดิน 20 เปอร์เซ็นต์ เกิดขึ้นจากการประมงและการท่องเที่ยวในทะเล และปูเสฉวน เมื่อมันลดลงในระดับหนึ่งมันก็ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแล้ว ซึ่งปัจจุบันเนี่ยเหลือเฉพาะปูเสฉวนที่ยังมีสภาพสมบูรณ์คือ จะอยู่ตามอุทยานแห่งชาติเท่านั้น หากสาธารณะทั่วไปที่อยู่นอกเขตอุทยานประมาณ 60 - 70 เปอร์เซ็นต์หายากมาก ทั้งนี้จึงมองว่าจะต้องลดขยะ เลิกเลี้ยงปูเสฉวนแล้วก็พยายามดูแลทะเลให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระบบนิเวศก็จะดี อย่างน้อยสุดเราก็จะเป็นผู้ที่ไม่ทำผิดต่อธรรมชาติไม่เป็นคนบาปฆ่าปูเสฉวน