เจนีวา, 3 พ.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันจันทร์ (2 พ.ย.) คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวย้ำถึงอันตรายของโรคไข้หวัดใหญ่ต่อเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ระหว่างเกิดการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายเฝ้าระวังและดำเนินการตรวจโรคอย่างจริงจัง
มาเรีย แวน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคประจำโครงการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพขององค์การฯ แถลงข่าวว่ายังไม่มีใครรู้ว่าฤดูไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ที่กำลังจะมาถึงซีกโลกเหนือในไม่ช้าจะเป็นอย่างไร แต่ปัจจุบันมีการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่อย่างจริงจังอยู่แล้วแม้เป็นช่วงเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 พร้อมแนะนำผู้ที่เสี่ยงป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สูงเข้ารับการฉีดวัคซีนในปีนี้
เจเน็ต ดิอาซ หัวหน้าฝ่ายการจัดการทางคลินิกขององค์การฯ เห็นตรงกับแวน เคิร์กโฮฟ โดยย้ำว่าการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือฤดูไข้หวัดใหญ่ และแม้โรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 จะมีอาการป่วยคล้ายคลึงกัน แต่ยังมีความแตกต่างที่ทำให้สามารถแบ่งแยกโรคทั้งสองได้อยู่
ดิอาซกล่าวย้ำว่าเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์เสี่ยงมีอาการป่วยร้ายแรงเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แต่ไม่แสดงอาการป่วยหนักจากโรคโควิด-19 หากผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจรุนแรง พวกเขาควรเข้ารับการตรวจโรคก่อนดำเนินการรักษา เนื่องจากโรคทั้งสองใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน
ความแตกต่างอีกประการคือการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) ซึ่งปัจจุบันใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 เนื่องจากสามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 อาการรุนแรงและอาการหนักขั้นวิกฤต โดยดิอาซเตือนความเสี่ยงจากการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากอาจทำให้เชื้อไวรัสยิ่งเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้น
ดิอาซเชื่อว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกคือทุกคนต้องรับทราบว่าไข้หวัดใหญ่เริ่มแพร่ระบาดในชุมชนเมื่อใด จากนั้นจึงเริ่มวินิจฉัยแยกโรคโดยอิงข้อมูลความแตกต่างระหว่างโรคทั้งสอง ทั้งด้านความรุนแรงของโรคและวิธีการรักษา
อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (2 พ.ย.) ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ ยืนยันผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ติดต่อใกล้ชิดผู้มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก “ผมสุขภาพดีและไม่มีอาการป่วย แต่จะกักตัวในช่วงหลายวันข้างหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการพื้นฐานขององค์การฯ ผมจะทำงานจากที่บ้าน”
ไมเคิล ไรอัน กรรมการบริหารประจำโครงการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพขององค์การฯ ระบุว่าปัจจุบันผู้นำองค์การฯ ยังสุขภาพแข็งแรงดีและทำงานอยู่ที่บ้าน