ตามรอยบุญในหลวง ร.๙ จากวัดพระพุทธบาท สู่กฐินพระราชทานวัดเสาธงทอง ร.๑๐

หลังเทศกาลออกพรรษา งานบุญยิ่งใหญ่ที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน นั่นก็คือ การทอดกฐิน ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาถวายเพียง 1 เดือนเท่านั้นคือ ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

ทุกๆ ปีเมื่อช่วงเวลานี้มาถึง หลายคนหลายหน่วยงานต่างเตรียมพร้อมกายใจไปร่วมทำบุญถวายผ้าพระกฐินตามวัดต่างๆ กันอย่างเนืองแน่น เฉกเช่นเดียวกับ ธนาคารธนชาตซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 14-15 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้จัดทริป “เดินตามรอยบุญถวายเป็นพระราชกุศล ร.9 ร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10” เส้นทางวัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี สู่วัดเสาธงทอง พระอารามหลวง จ.ลพบุรี ซึ่งปีนี้นับปีที่ 11แล้วที่ทางธนาคารฯ ได้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ พระอารามหลวงในจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง รถบัสคันใหญ่ก็พาคณะมาถึงจุดหมายแรก นั่นก็คือวัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี วัดอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ซึ่งค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2167 ภารกิจแรกหลังจากเข้ามาถึงภายในวัด ต่างพร้อมใจกันเดินตรงไปยังพระอุโบสถเพื่อร่วมทำบุญถวายสังฆทานพระสงฆ์ 9 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ 9 จากนั้นก็แยกย้ายกันไปไหว้พระขอพร พร้อมปิดทองรอยพระพุทธบาท โดยความสำคัญของวัดนี้นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทซึ่งมีขนาดความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้วและลึก 11 นิ้ว แล้ว ยังปรากฏเหตุการณ์สำคัญเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเสด็จพระราชดำเนินยกช่อฟ้าพระอุโบสถ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2503 ท่ามกลางประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ เป็นจำนวนมาก

จากวัดพระพุทธบาท มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางสำคัญนั่นคือ วัดเสาธงทอง พระอารามหลวง เพื่อร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ระหว่างทางได้มีโอกาสแวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก พระนารายณ์ราชนิเวศน์แห่งนี้ นับเป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองสูงสุดสมัยหนึ่งของเมืองลพบุรี ด้านหน้าหันเข้าหาตัวเมือง ด้านหลังติดแม่น้ำลพบุรี มีกำแพงก่ออิฐถือปูน และมีใบเสมาล้อมรอบ มีป้อมปืน 7 ป้อม ประตูสูงใหญ่รูปโค้งแหลมเล็ก 11 ประตู มีการเจาะช่องรูปโค้งแหลมเล็กสำหรับวางตะเกียงให้ความสว่างไสวแก่พระราชวังยามค่ำคืน อันเป็นรูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลังจากได้เดินเยี่ยมชมศึกษาประวัติศาสตร์สำคัญพร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอิ่มหนำสำราญใจแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยังที่พักเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีทำบุญใหญ่ในเช้าวันรุ่งขึ้น