อีก 2 อาทิตย์เรื่องถึงศาล “เปิ้ล ไอริณ” ควงทนาย แถลงข่าวเดินหน้าฟ้องชาวเน็ต 2 รายแรก เรียกคนละ 1 ล้านบาท ...
ออกมาปกป้องพ่อค้าขายไก่ทอดที่โดนทัวร์ลงด้วยถ้อยคำหยาบคายจนดาราสาว "เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว" โดนทัวร์พวกคลั่งการเมืองเข้ามาด่าทอด้วยข้อความอันรุนแรง งานนี้สาวเปิ้ลเลยตัดสินใจที่จะเดินหน้าฟ้องขาวเน็ตที่เข้ามาใส่ร้ายในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยประกาศฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินสูงถึงคนละ 1 ล้านบาท ล่าสุด เจ้าตัวได้เดินทางมาพร้อมทนายความส่วนตัว เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ร้าน Lizm ซอยรัชดา 74 โดยสาวเปิ้ลและทนายความได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า
"กราบขอบพระคุณพี่ๆ นักข่าวที่สละเวลามางานแถลงข่าวในวันนี้ค่ะ เรื่องของเรื่องมันเริ่มตั้งต้นมาจากเปิ้ลเห็นรูปๆ นี้คือรูปพ่อค้าทอดไก่แล้วเขียนข้อความว่าร้านนี้ไม่ขายคนจาบจ้วง แล้วก็มีคนมาโพสต์บอกว่าตลกนะถ้าสถาบันดี ประเทศดี มึงไม่ต้องมาขายไก่ทอดหรอก คงได้เป็นเจ้าของเจ้าของฟาร์มไก่ไปแล้ว พอเขาโพสต์ไปแบบนั้นเขาก็ชักนำคนไปด่าพ่อค้าคนนี้ค่ะ ถามว่าเปิ้ลเกี่ยวข้องอะไร ทุกคนทราบดีว่าเปิ้ลทำอาหารขายมาตั้งแต่อายุ 16 เปิ้ลเคยขายหมูทอดไก่ทอด เปิ้ลเคยเปิดร้านอาหารแถวโชคชัย 4 แล้วเราเคยขายของพวกนี้มาก่อนทำให้เปิ้ลรู้สึกว่าคำพูดนี้มันแทงใจดำเรามาก เราสร้างตัวสร้างบ้านมาด้วยการขายอาหารทำไมเขาต้องมาดูถูกด้วย โดยเฉพาะพ่อค้าคนนี้เขาอาจจะมีแค่ตะหลิวอ่ะ เขาอาจจะกำลังเลี้ยงดูครอบครัวเขา เขาทำอาชีพสุจริต ทำไมต้องประณามให้คนเข้ามาด่าเขาแบบเสียๆ หายๆ ด้วยคำหยาบคาย เปิ้ลเชื่อว่าเขาอาจไม่ได้มีโอกาสมาอ่าน แต่ตัวเปิ้ลในฐานะที่เคยเป็นแม่ค้ามาก่อนเปิ้ลเลยพิมพ์ออกไปด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า “แล้วทำไมล่ะ การเป็นพ่อค้าแม่ค้าไม่เสียหายอะไร เคยเห็นคนขายไก่ทอดได้วันละเป็นหมื่นก็มี” นี่คือข้อความที่เปิ้ลลงไปประมาณนี้ หลังจากนั้นมีคนแห่มาด่าเปิ้ล มารุมประณามเปิ้ลด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นสิบๆ ข้อความ นี่คือที่มาของการเกิดเรื่องนี้ค่ะ"
เขาด่าอะไรเราบ้าง ?
เปิ้ล : มีหลายข้อความมาก แต่ข้อความที่เปิ้ลจะฟ้องคือ “อ้อ...ออกมาหาตังค์นี่เองอีกะหรี่ อียาจก” และก็ “ขาย.ห.ไม่ออกแล้วเหรอ ถึงได้มาห้องร้องคนเอาเงินใช้ อีเปิ้ล” และก็ “อีเปิ้ลมึงมันดาราขยะ วัลลาบี อีควาย อีชั้นต่ำ ยังอยากจะเป็นสลิ่มอีก อีไร้ค่า ไร้ราคามากที่สุดในวงการมากเลยมึง” คือเปิ้ลอ่านแล้วรู้สึกว่าเขาไม่รู้เลยเหรอว่าเปิ้ลก้าวเข้าสู่วงการนี้ได้ยังไง เปิ้ลก้าวเข้ามาสู่วงการนี้ตั้งแต่อายุ 14 ด้วยการหนีตายายมาประกวดโฆษกรุ่นเยาว์แล้วได้ที่ 1 ครั้งที่ 2 คือเปิ้ลไปเรียนการแสดงที่เอ็กแซ็กท์ แกรมมี่ จากนักแสดงที่เรียน 100 คนเปิ้ลได้รับคัดเลือกเป็นนักแสดงเพียงคนเดียว เราภูมิใจในหน้าที่การงานเรามากแค่ไหน แต่ ณ วันนี้คนที่มาพูดว่าต้องการความเท่าเทียม แต่สิ่งที่เขาพูดกับเปิ้ลคืออีดาราชั้นต่ำ อีดาราตลาดล่าง เขากดเราเพื่อให้ตัวเขาสูงขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าเปิ้ลผ่านอะไรมาบ้าง และวันนี้เปิ้ลไม่ใช่สลิ่ม เปิ้ลไม่ใช่ลอดช่องอะไรทั้งนั้นอ่ะ เปิ้ลพูดตรงๆ เลยคือเปิ้ลไม่ชอบการเมืองเลยด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่เปิ้ลไม่เคยบอกใครเลยคือต้นตระกูลของเปิ้ลได้รับนามสกุลพระราชทานบุนนาคมาจากรัชกาลที่ 6 คุณย่าทวดของเปิ้ลชื่อนางจั่นเล็ก บุนนาค เราได้รับนามสกุลพระราชทานมาจากพระมหากษัตริย์ อีกอย่างเปิ้ลซุกหัวนอนในบ้านซึ่งเป็นที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทุกอย่างในตัวเปิ้ลคือเรามาพึ่งพระบารมีของพระมหากษัตริย์จริงๆ บนหิ้งพระซึ่งคุณตาเป็นทหารรับราชการจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ทุกๆ พระองค์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 แล้ววันนี้ที่เปิ้ลเห็นคนที่ชูนิ้วให้คนที่เรานับถือเป็นพ่อเป็นแม่และประเทศนี้คือบ้านของเปิ้ลและมีคนมาย่ำยีทำให้เปิ้ลทนไม่ได้ที่จะข้ามเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ฉันกลัวคนด่า ฉันไม่กล้าที่จะแสดงออกว่ารักประเทศ ไม่สามารถที่จะแสดงออกว่ารักสถาบันได้เพราะฉันต้องรักษาผลประโยชน์ตัวเอง เปิ้ลเป็นคนแบบนั้นไม่ได้ค่ะ
บุคคลที่จะยื่นฟ้องตอนนี้มีกี่ราย ?
ทนายความ : ในส่วนของแง่คดี ตามที่เห็นในคอมเมนต์คือมีทั้งวิจารณ์และมีทั้งใส่ร้าย พี่เปิ้ลเขาเป็นดาราสามารถวิจารณ์ได้ ข้อความไหนที่วิจารณ์เรารับได้ แต่สองข้อความนี้เป็นข้อความที่ใส่ร้าย ในส่วนนี้เราก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายและตอนนี้เรากำลังให้ทีมทนายความรวบรวมข้อมูลครับ คิดว่าไม่ถึงสองอาทิตย์ก็น่าจะถึงศาล ทีมทนายของผมก็ปูพรมฟ้อง ไม่ได้ฟ้องทีเดียวตู้มนึง คือจะทยอยฟ้องขึ้นเรื่อยๆ ลอตแรกที่ฟ้องอาจจะ 2-3 คน ก็ฟ้องไปเรื่อยๆ
คนที่เข้าข่ายโดนฟ้องหลายคนใช้แอคเคานต์อวตาร แบบนี้จะตามตัวได้ไหม ?
ทนายความ : ทางทีมทนายความผมตรวจสอบหมดแล้ว คือมีข้อมูลอยู่จริง ดูทะเบียนราษฎรแล้วมีข้อมูลอยู่จริงครับ สามารถฟ้องร้องคดีได้ครับและดำเนินคดีถึงที่สุดครับ เพราะว่ามันส่งกระทบต่อชื่อเสียง หน้าที่การงานและบริษัทของพี่เปิ้ลมาก ส่วนจะถึงที่สุดมากน้อยเพียงใดเรื่องนี้ก็เป็นกระบวนการของศาลที่จะตัดสิน ส่วนจะถึงที่สุดแค่ไหนอีกนั้นก็อยู่ที่เขาด้วยเพราะเขาเป็นคนก่อไม่ใช่ทางเรา ถ้าเรื่องกระบวนการไกล่เกลี่ยก็ต้องไปคุยกันที่ศาลเท่านั้น
มีคนส่งข้อความมาขอโทษพี่เปิ้ลบ้างไหม ?
เปิ้ล : มีแล้วค่ะ
ทนายความ : แต่การจะขอโทษขอโพยต้องไปพูดคุยในขั้นศาลดีกว่าค่ะ เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญาและคดีแพ่ง เรื่องเรียกค่าเสียหายต้องมีอยู่แล้วครับ อยู่ที่ความเหมาะสม อยู่ที่ความเสียหายของลูกความว่าเสียหายมากน้อยเพียงใดครับ
พี่เปิ้ลจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ ?
เปิ้ล : จริงๆ เปิ้ลอยู่ที่ดุลพินิจของศาลเลยค่ะ โดยส่วนตัวมีข้อความที่เหยียดเพศและดูเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกินไป การที่มากล่าวหาว่าเปิ้ลเป็นโสเภณี เปิ้ลขายตัว มันเป็นสิ่งที่เปิ้ลต้องจัดการ ยิ่งเรานิ่งเขาก็ยิ่งไม่หยุดค่ะ
ทนายความ : ข้อความไหนที่เป็นการวิจารณ์สามารถทำได้เพราะดารา นักการเมือง สามารถวิจารณ์ได้ครับ แต่ข้อความไหนที่ใส่ร้ายเราเอาข้อความนั้นมาฟ้อง
พี่เปิ้ลพร้อมจะสู้ไหม เพราะระยะเวลาการฟ้องหลายๆ คนก็ต้องใช้เวลานาน ?
เปิ้ล : เปิ้ลอยู่ในวงการนี้มา 28 ปีแล้วนะคะ เปิ้ลเจอการบูลลี่มาชั่วชีวิตแล้วค่ะ แต่คราวนี้เขาเข้ามาพื้นที่ส่วนตัวของเราจริงๆ และพยายามลากเราไปในเรื่องของการเมือง เพราะฉะนั้นคราวนี้ไม่ว่าเวลาจะยาวนานแค่ไหนเปิ้ลสามารถไปได้อยู่แล้วค่ะ และครั้งนี้มันเป็นการรวมบุคคลที่เปิ้ลเลื่อนไปอ่านข้างล่างซึ่งเป็นเรื่องของอย่างอื่นมากขึ้นคือมีการด่าไปถึงชาติ ศาสนา สถาบัน และมาที่เปิ้ลด้วย มีอิงไปการเมืองด้วยค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่เปิ้ลสมควรจะลุกขึ้นมาจัดการสักทีค่ะ รายได้ที่เปิ้ลได้จากการฟ้องเปิ้ลจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.เปิ้ลจะให้กับมูลนิธิที่ช่วยชาติ 2.เปิ้ลจะบริจาคให้มูลนิธิที่คิดค้นวัคซีนโควิด19 3.บริจาคให้มูลนิธิคนตาบอด อันนี้เปิ้ลให้จริงๆ แล้วจะนำใบเสร็จมาให้ดูค่ะ
อย่างที่บอกเขามองหาความเท่าเทียม แต่สิ่งที่กระทำมันย้อนแย้งกันมากเลย เขาต้องการประชาธิปไตยแต่ในมุมมองนึงก็ต้องการคอมมิวนิสต์เพราะเราไม่สามารถแสดงความรักและสิ่งที่เราเทิดทูนบูชาเลย เพราะเปิ้ลเชื่อว่าการที่เราจะรักเทิดทูนบูชาอะไรสักอย่างเนี่ยมันเกิดจากจิตสำนึก เกิดจากการสะสมบุญบารมี เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิมาบอกใครได้ว่าให้หยุดรัก หยุดพูด หยุดเทิดทูน ไม่งั้นคุณจะโดนพวกฉันรุมด่านะ เปิ้ลอยากให้รู้ว่าทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่คุณต้องรับผิดชอบต่อตนเองต่อผู้อื่นและคนรอบข้างไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนและต้องไม่ไปละเมิดใครด้วยค่ะ เปิ้ลอยากให้เป็นกรณีตัวอย่างค่ะ ถ้าเปิ้ลไม่เริ่มก็ไม่รู้ว่าใครจะเริ่มค่ะ
หลังจากที่เราบอกจะเดินหน้าเอาผิดคนที่เข้ามาด่าเรา ยังมีคนเข้ามาด่าอีกไหม ?
เปิ้ล : ไม่มีเลยค่ะ ตอนแรกมีคนเข้ามาด่าเปิ้ลประมาณ 40 ข้อความ ซึ่งเราก็ไม่ได้ลบและไม่ใส่ใจหรือให้ค่า และหลังจากที่เปิ้ลบอกว่ายินดีด้วยค่ะ คนที่เข้ามาตรงนี้เปิ้ลจะฟ้อง คนก็มายินดีกับสิ่งที่เปิ้ลจะทำเพราะเป็นสิ่งที่สมควรและหลังจากนั้นก็เงียบกริบเลยค่ะ ไม่มีใครกล้าเข้ามาด่าอีกเลยค่ะ
คนที่ส่งข้อความมาขอโทษเรา เขาบอกว่ายังไงบ้าง ?
เปิ้ล : เขาบอกว่าพี่จะฟ้องหนูจริงๆ เหรอ หนูเป็นแม่ลูกอ่อนนะ หนูไม่มีเงินจะจ่ายพี่หรอกนะ
แล้วเราตอบไปว่ายังไง ?
เปิ้ล : 1 ล้านบาท สั้นๆ ค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วค่ะ
มีคนเข้ามาลบคอมเมนต์ที่ด่าเราไหม ?
เปิ้ล : มีค่ะ แต่เปิ้ลแคปไว้หมดแล้ว มันสายไปแล้วค่ะ
อยากจะบอกอะไรกับคนที่มาคอมเมนต์ด่าเรา ?
เปิ้ล : เปิ้ลเชื่อว่ากรรมเกิดจากเหตุแห่งการกระทำ คุณทำอะไรไว้คุณก็ต้องได้รับผลของการกระทำ นี่อาจจะเป็นนิมิตหมายบอกกับทุกคนว่าหมดยุคที่ดาราจะเป็นพรมเช็ดเท้าแล้วค่ะ หมดยุคที่ใครจะมาเป็นที่ระบายอารมณ์ของคุณแล้ว ทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เปิ้ลเข้าไปช่วยแก้ตัวแทนพ่อค้าเพราะเห็นเขาเป็นผู้มีเกียรติคนนึง ทุกคนเกิดมาบนโลกใบนี้ทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์ไปเหยียบศักดิ์ศรีใครด้วยความสนุกอีกแล้วค่ะ หมดเวลาแล้วค่ะ
อยากเตือนอะไรกับชาวเน็ตบ้างไหม ?
เปิ้ล : เปิ้ลเคยโพสต์ไว้เมื่อ 4 ปีก่อนว่าเปิ้ลเชื่อถือเรื่องโชครางมาก เขาบอกว่าหากเราเก็บเหรียญที่ตกพื้นเราจะเคราะห์ร้าย แต่เปิ้ลยอมเคราะห์ร้ายแค่ไหนก็ได้ แต่เปิ้ลยอมให้ใครมาเหยียบ ข้าม คนที่อยู่บนเหรียญไม่ได้ อันนี้คือเรื่องแรกที่เป็นจุดยืน สองคืออะไรที่เรายินดี ซาบซึ้ง มันก็จะมากขึ้นๆ อยากมีความเป็นอยู่ที่ดี อยากร่ำรวยแต่คุณยังย่ำยีคนที่อยู่บนแบงก์อยู่เลย เปิ้ลไม่ได้อิงการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทุกคนต้องมีสิ่งที่รักและสิ่งที่เทิดทูน และอยากบอกขาวเน็ตว่าทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เสรีภาพนั้นต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง และไม่เบียดเบียนใคร ไม่ละเมิดใครให้เขาทุกข์ด้วยค่ะ
