ญาติจ่ออุทธรณ์ผิดหวังศาลยกฟ้องวิสามัญฯ"ชัยภูมิ"

2020-10-26 12:00:16

ญาติจ่ออุทธรณ์ผิดหวังศาลยกฟ้องวิสามัญฯ"ชัยภูมิ"

Advertisement

"ญาติ" จ่ออุทธรณ์หลัง "ศาล" ยกฟ้องคดีวิสามัญฯ "ชัยภูมิ" ชี้พยานบ่งชัดเกี่ยวข้องยาเสพติด

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ศาลแพ่ง นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ พ2591/2562 ที่นางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย เพื่อให้ชดใช้ทางละเมิด กรณีเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองทัพบก วิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ ป่าแส ที่บริเวณด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดย วันนี้ นางนาปอย เดินทางมายังศาลแพ่ง พร้อม นายไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่มกิจกรรมเพื่อสังคมรักษ์ลาหู่ ผู้ดูแลนายชัยภูมิ และนายปรีดา นาคผิว ทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม โดย นายปรีดา ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ได้มีการฟ้องร้องกันที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ เกิดจากอะไร แต่ไม่ใช่การชี้ถูกชี้ผิดว่าใครเป็นฝ่ายผิด ซึ่งศาลระบุชัดเจนว่าใครเป็นคนยิงนายชัยภูมิ ส่วนการฟ้องคดีแพ่ง เป็นการใช้สิทธิ์ในฐานะญาติของผู้ตายมาฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก และจะเป็นส่วนที่ทำให้สามารถพิสูจน์ความจริงต่อว่า การกระทำในหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ และสมควรที่หน่วยงานรัฐจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ ที่สำคัญ คือ เคยเกิดเหตุคล้ายกันกับนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวไทยภูเขาเผ่าลีซู ซึ่งคดีของนายอะเบ ทางศาลแพ่งพิพากษาให้กองทัพบกชดใช้ค่าเสียหาย โดยทางกองทัพบก ก็ไม่ได้อุทธรณ์และปัจจุบันคดีก็ได้ดำเนินการถึงที่สุดแล้ว กองทัพบกได้นำเงินมาวางไว้ที่ศาลแพ่งเพื่อที่จะโอนเงินให้กับแม่ของนายอะเบ ต่อไป

ด้าน นายไมตรี กล่าวก่อนขึ้นฟังคำพิพากษา ว่า ที่ผ่านมา กลุ่มของตนพยายามเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลัง นายชัยภูมิ ถูกยิงเสียชีวิตมาโดยตลอด เนื่องจากครอบครัวอยากรู้ความจริงว่าเพราะเหตุ นายชัยภูมิ จึงถูกยิงเสียชีวิต ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระบุว่า นายชัยภูมิ ถูกยิงเพราะไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่กองทัพไม่เคยเปิดเผยข้อมูลภาพ จากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในจุดเกิดเหตุเพื่อให้สาธารณชนรับทราบ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องลุกขึ้นสู้ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กชนเผ่าที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่สำคัญ คือ ผู้กระทำกลับไม่ได้รับการลงโทษใดๆ




ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว พยานโจทก์นำสืบในทำนองเดียวกันว่า นายชัยภูมิ มีผลการเรียนดี เป็นนักกิจกรรมจิตอาสา เคยเป็นประธานนักเรียน ชอบช่วยเหลือครูและเพื่อน มีความกตัญญู ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนจำเลยไม่รู้จักผู้ตาย ขระที่พยานจำเลยเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุตรวจค้นรถ ผู้ตายไม่ยินยอมให้เปิดฝาหม้อไส้กรองอากาศ เมื่อเปิดดูพบยาบ้า 2,800 เม็ด ผู้ตายใช้ระเบิดขว้าง ทหารจึงหยิบปืน M16 ยิงที่แขนซ้ายเพื่อหยุดการกระทำ กับเจ้าหน้าที่พยานจำเลยแจ้งพบบัญชีผู้ตายมีการเคลื่อนไหวเชื่อมโยงเรื่องยาเสพติด บันทึกการโทรศัพท์เกี่ยวกับผู้ต้องหาคดียาเสพติด พยานจำเลยที่เป็นเพื่อนนักเรียนเชื่อว่าจำเลยน่าจะรู้เรื่องยาเสพติด ประจักษ์พยานไม่พบพิรุธสงสัย พลทหารยิงผู้ตายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ จึงไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์จึงพิพากษายกฟ้อง อย่างไรก็ตาม หลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง มีรายงานว่า ญาติและเพื่อนที่เดินทางมาให้กำลังใจ ต่างรู้สึกเสียใจกับคำพิพากษา และต้องการที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป