ยุโรปสังเวยโควิด-19 เกิน 250,000 คน ตามลาตินอเมริกาติด ๆ

2020-10-25 12:05:40

ยุโรปสังเวยโควิด-19 เกิน 250,000 คน ตามลาตินอเมริกาติด ๆ

Advertisement


ยุโรปตามลาตินอเมริกา เป็นภูมิภาคที่ 2 เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เกิน 250,000 คน ผู้ติดเชื้อก็พุ่งสูงต่อเนื่อง สถิติสูงสุด 200,000 คนในวันเดียว

ยุโรปกลายเป็นภูมิภาคที่ 2 ต่อจากลาตินอเมริกา ที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 เกิน 250,000 คนในวันเสาร์ จากข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์ ขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันก็เดินหน้าทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยุโรปรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงถึง 200,000 คนครั้งแรกในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และประเทศยุโรปตอนใต้อีกหลายประเทศในสัปดาห์นี้ ก็พบผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันเดียว ทำให้ขณะนี้ ทั่วยุโรปมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 19 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับทั่วโลก และติดเชื้อประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์



สหราชอาณาจักร, อิตาลี, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, เบลเยียม และสเปน มีผู้เสียชีวิตรวมกันเกือบ 2 ใน 3 ของจำนวน 250,000 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วยุโรปประมาณ 8 ล้านคน โดยมีสหราชอาณาจักร เสียชีวิตสูงสุดในยุโรปประมาณ 45,000 คน ตามด้วยอิตาลี, สเปน, ฝรั่งเศสและรัสเซีย นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อังกฤษไม่สามารถพึ่งพาวัคซีนเท่านั้น จะต้องใช้มาตรการอื่น ๆ เพื่อชะลอการระบาดของไวรัส

ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอิตาลี พุ่งผ่าน 500,000 คนในวันเสาร์ และมากกว่า 200,000 คน ยังรักษาตัว จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี พบว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงทำสถิติ 19,644 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้เส้นกราฟติดเชื้อโควิดพุ่งขึ้นต่อเนื่อง 5 วันติดต่อกัน สื่อท้องถิ่น รายงานว่า เนื่องจากพัฒนาการของการระบาดในปัจจุบัน ทำให้หลายภูมิภาคในอิตาลีปรับปรุง เพื่อระดับมาตรการการตอบโต้รับมือโควิด ซึ่งรวมทั้งการบังคับใช้เคอร์ฟิว, ระงับการเรียนในห้องเรียน และปิดถนนในช่วงกลางคืนในพื้นที่ที่ประชาชนมักไปรวมตัวกัน



นอกจากนี้ รัฐบาลอิตาลียังกำลังร่างคำสั่งใช้มาตรการคุมเข้มทั่วประเทศมากขึ้น เช่นลดเวลาเปิดร้านอาหารและบาร์และปิดสนามกีฬาในร่ม หรือโรงยิม และสระว่ายน้ำ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส

เมื่อพิจารณาตัวเลขผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา พบว่า รัสเซียมีผู้เสียชีวิต 250 คนต่อวัน สูงที่สุดในยุโรป ตามด้วยสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส อยู่ที่ประเทศละประมาณ 143 คน โดยที่ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่ 7 ที่ทำสถิติมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านคนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากติดเชื้อรายใหม่เกิน 40,000 คน สองวันติดต่อกัน คือวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศ อยู่ที่ 1,084,659 คน และตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 34,536 คน และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในการระบาดระลอก 2 มีการบังคับใช้เคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ละวันในฝรั่งเศส เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10 วันติดต่อกัน

ส่วนสเปนผู้ติดเชื้อก็พุ่งผ่าน 1 ล้านคน และมีรายงานผู้เสียชีวิต 136 คน เฉลี่ยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 7.38 คนต่อประชากร 10,000 คน ถือว่าสูงสุดในยุโรป และสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในโลกรองจากเปรู โดยภูมิภาคบาเลเซีย เตรียมบังคับใช้เคอร์ฟิวในวันเสาร์นี้ จากเที่ยงคืนจนถึงวันที่ 9 ธันวาคม เพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด นายซีโม ปุยจ์ ประธานาธิบดีแคว้นบาเลนเซีย กล่าวว่า เคอร์ฟิว ระหว่างเที่ยงคืนถึง 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น จะถูกครอบคลุมด้วยกฎหมายว่าด้วยมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรัฐต่าง ๆ ใช้มาตรการต่าง ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนคาตาโลเนีย แถลงในคืนวันศุกร์ว่า อาจจะบังคับใช้เคอร์ฟิวทั่วภูมิภาค ซึ่งรวมทั้งบาร์เซโลนา

ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลโปแลนด์ แถลงในวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา ผู้นำโปแลนด์ ผลตรวจร่างกายเป็นบวก ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยิงแก๊สน้ำตาหลายครั้ง เข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนในกรุงวอร์ซอว์ ที่ออกมาต่อต้านมาตรการคุมเข้มของรัฐบาล ที่มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด



มีการประกาศเรื่องการติดเชื้อโควิดของประธานาธิบดีดูดาในช่วงเช้าวันเสาร์ และเขากล่าวปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในเวลาต่อมาว่า เขารู้สึกสบายดี

ทั้งนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในโปแลนด์ โดยมีผู้ติดเชื้อรายวันรายใหม่สูงทำสถิติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 13,632 คน และมาตรการคุมเข้มครั้งใหม่มีผลบังคับใช้ไปในวันเสาร์ ส่วนกลุ่มผู้ประท้วง รวมตัวกันโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องควบคุมการระบาดด้วยวิธีการแบบนี้ และถือแผ่นป้ายมีข้อความว่า “อนุญาตให้พวกเราไปทำงาน” และปล่อยให้พวกเราตัดสินใจด้วยตัวเอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบโต้ด้วยการใช้กำลัง ซึ่งรวมทั้งยิงแก๊สน้ำตาในหลายโอกาส ซีลเวสเตอร์ มาร์คซัค โฆษกของตำรวจกรุงวอร์ซอว์ กล่าวว่า การประท้วงถูกห้ามหลังการระบาดของไวรัส และกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เข้าร่วมประท้วงบางคนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหลายครั้ง



พรรคชาตินิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของโปแลนด์ เผชิญหน้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้านในช่วงหลายวันมานี้ ว่า ประเทศไม่มีความพร้อมเพียงพอในการรับมือการระบาดระลอก 2 ของไวรัส ทำให้คะแนนนิยมต่อทั้งพรรคพีไอเอสของรัฐบาล และตัวนายดูดา ลดลง

กระทรวงสาธารณสุขโปแลนด์ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิดเมื่อวันเสาร์ 179 คน รวมทั่วประเทศเป็น 4,351 คน ส่วนติดเชื้อรายใหม่ในวันเสาร์ อยู่ที่ 13,628 คน รวมทั่วประเทศเกือบ 242,000 คน

จากตัวเลขของสำนักข่าวรอยเตอร์ ขณะนี้ ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะแล้วประมาณ 42.1 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 1.1 ล้านคน