นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ผู้นำญี่ปุ่น เดินทางเยือนอินโดนีเซีย ประเทศยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และผู้นำของทั้งสองประกาศจะให้ความสำคัญ กับการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด จากการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ให้การต้อนรับผู้นำญี่ปุ่น และคณะ ที่ทำเนียบในเมืองโบกอร์ จังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันอังคาร (20 ต.ค.) ที่ผ่านมา ในโอกาสที่ซูงะเยือนอินโดนีเซีย ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจุดหมายที่ 2 ต่อจากเวียดนาม และเป็นจุดหมายสุดท้าย ของการเยือนต่างแดนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา.
ซูงะเผยภายหลังการหารือกับวิโดโด ว่า สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กำลัง เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการเพิ่มความร่วมมือเป็นสิ่งจำเป็น อินโดนีเซียและญี่ปุ่นตกลงจะให้มีการพบหารือ ระดับทวิภาคี ระหว่าง รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหม ของ 2 ประเทศ ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อยกระดับความร่วมมือ ที่จะรวมถึงการส่งมอบเทคโนโลยีทางทหาร
ส่วนวิโดโด กล่าวว่า การยกระดับความเป็นพันธมิตร ระหว่างญี่ปุ่นกับอินโดนีเซีย มีความสำคัญอย่างยิ่ง ท่ามกลางการแข่งขันระหว่าง มหาอำนาจ 2 ประเทศ ที่ขยับขยายสมรภูมิเข้ามาในภูมิภาคนี้มากขึ้น
การพบหารือระหว่างวิโดโดกับซูงะ มีขึ้นขณะมีรายงานว่า อินโดนีเซียไม่ให้กองทัพสหรัฐใช้พื้นที่ในประเทศ เป็นที่จอดพักและเติมเชื้อเพลิง เครื่องบินสอดแนมทางทะเล "พี8-โพไซดอน" อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศถอดชื่อของ พล.ท.ปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย ออกจากบัญชีดำการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเชิญ พล.ท.ซูเบียนโต เยือนกรุงวอชิงตัน เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อพบหารือกับนายมาร์ค เอสเปอร์ รมว.กลาโหมสหรัฐ เกี่ยวกับควยามร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.