แห่แชร์คำทำนายดวงเมืองปี 63 “โหรวสุ” สุดแม่นยำจากวันวานจวบจนวันนี้

2020-10-19 11:35:59

แห่แชร์คำทำนายดวงเมืองปี 63 “โหรวสุ” สุดแม่นยำจากวันวานจวบจนวันนี้

Advertisement

ตื่นเช้าลืมตาขึ้นมาวันนี้ หากใครได้ติดตามข่าวสารในโลกออนไลน์ นอกจากจะคึกคักไปด้วยเนื้อสาระในหลากหลายเรื่องราวแล้ว ที่มาแรงยอดฮิตติดอันดับไม่แพ้กัน ก็เห็นจะเป็นคำทำนายดวงเมืองไทยปี 2563 ของ "โหรวสุ" วสุวัส คำหอมกุล ที่ได้เคยลงไว้ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ "Wasu โหรวสุ" เมื่อเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนต่างนำมาแชร์ให้อ่านกันกระหึ่ม!

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่างพากันแชร์คำทำนายของนายวสุวัส คำหอมกุล หรือ “โหรวสุ” นักพยากรณ์ดวงชะตา ที่เคยทำนายดวงเมืองประเทศไทยปี 63 เอาไว้ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ " Wasu โหรวสุ" เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมาว่า มีความแม่นยำดังตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยคำทำนายดังกล่าวมีใจความสำคัญดังนี้

สังคม




ปี 2563 ตั้งแต่ดาวเสาร์โคจรเข้าทับดาวจันทร์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม 2563 จะเป็นช่วงที่มีคนตกงานเพิ่มขึ้น คนเป็นหนี้ถูกยึดบ้านที่อยู่อาศัย และมีปัญหาหนี้สินจนมีคนฆ่าตัวตายรายวัน รวมถึงมีประชาชนบางส่วนที่ย้ายออกจากกรุงเทพฯกลับไปอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ส่วนสภาพอากาศในช่วง ก.พ.- ก.ค. จะแล้งจัดจนขาดแคลนน้ำ แต่พอเข้าช่วงต.ค. 2563 จะมีพายุเข้าทำให้ฝนตกหนักน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ นอกจากนี้ในจังหวัดใหญ่ของประเทศยังต้องระวังคดีอาชญากรรม และคดีร้ายแรงที่เกิดเพิ่มมากขึ้นตามมา เพราะในช่วงที่ดาวพฤหัสโคจรเป็นนิจนี้ มักจะเกิดคดีฆาตกรสะเทือนขวัญ หรือคดีอาชญกรรมจากคนขาดสำนึกผิดชอบชั่วดีก่อเหตุอาชญากรรมรุนแรงได้ง่าย นอกจากนี้สายงานอาชีพครูอาจารย์ ทนายความ และข้าราชการ จะมีคนในอาชีพนี้ทำผิดกฎหมายร้ายแรงเป็นข่าวดังที่ ทำให้ภาพลักษณ์ของคนในอาชีพนี้เสียหายไปด้วย ส่วนหลังจากเดือนกันยาน 2563 เป็นต้นไปประชาชนจะเจ็บป่วยกันเยอะ ทั้งป่วยจากโรคติดต่อร้ายแรงเช่น โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ๆ โรคคนที่คนไทยเจ็บป่วยเยอะเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน และปัญหาสุขภาพจิตที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้ากันเพิ่มมากขึ้น

การเมือง



ในปี 2563 จะเป็นปีที่การเมืองไม่นิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วง กุมภาพันธ์ จนถึง เดือน กันยายน 2563 จะเป็นช่วงที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหา และบริหารงานต่างๆ ที่เข้ามามากมาย โดยที่เสถียรภาพของรัฐบาลเองก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะจะมีปัญหาเรื่องการจัดแบ่งผลประโยชน์ และการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่จะส่งผลทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว การปรับคณะรัฐมนตรี ไม่สามารถพยุงให้รัฐบาลมีอำนาจบริหารต่อไปได้ เพราะจะเกิดการต่อต้านทั้งจากภาคประชาชน นักธุรกิจ และข้าราชการ ทำให้มีความเป็นไปได้สูงตามดวงเมืองในช่วงกุมภาพันธ์-ตุลาคม 2563 จะเป็นช่วงที่เกิดม็อบประท้วงรัฐบาล และม็อบการเมืองต่างๆ ขึ้นมากมาย จนทุกเดือนจะต้องมีม็อบมาปิดถนน หรือเดินทางเข้ามาร้องเรียนกับรัฐบาล ซึ่งถ้ารัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ม็อบย่อยๆ จะรวมกันเป็นม็อบใหญ่กดดันรัฐบาลให้ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ หรือเปลี่ยนตัวนายก กับครม. ไม่ก็มีพรรครัฐบาลร่วมกับฝ่ายค้านจัดตั้งรัฐบาลขั้วใหม่ ที่เป็นไปตามการโคจรของดาวพฤหัส และดาวเสาร์ ซึ่งตามสถิติเมื่อดาวใหญ่ทั้งสองดวงนี้โคจรผิดปกติ และสัมพันธ์กับดาวพฤหัส และดาวเสาร์เดิมในดวงเมือง มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองครั้งใหญ่เสมอ ซึ่งการโคจรของดาวในปี 2563 นี้ค่อนข้างคล้ายปี 2475 อยู่หลายจุด ดังนั้นชัดเจนว่า ปี 2563 นี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญยิ่งกว่าปี 2562

เศรษฐกิจ


ปี 2563 ช่วงต้นปีตั้งแต่มกราคม – สิงหาคม 2563 สภาพเศรษฐกิจของประเทศยังคงอยู่ในช่วงที่ตกต่ำ ตัวเลข GDP ไม่เติบโตเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ตก เรียกว่าอยู่ในอาการทรงตัวมากกว่า แต่ช่วงนี้จะมีธุรกิจบางประเภทที่อยู่ในช่วงขาลงต้องปิดกิจการโดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนเศรษฐกิจในช่วงหลัง 10 กันยายน 2563 ที่ตรงกับช่วงราหูโคจรย้ายเข้าไปในมุมการเงินของประเทศ เป็นตำแหน่งราหูล้วงทรัพย์นั้น จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั้งมูลค่าเงินบาทตก หุ้นตก ธนาคารของรับมีปัญหาขาดสภาพคล่อง และหน่วยงานของรัฐ หรือกลุ่มรัฐวิสาหกิจของรัฐเอง ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ จนถูกฟ้องร้องจากภาคเอกชน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ช่วงปลายปี 2563 รัฐบาลอาจจะตัดสินใจขายหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนทิ้งไป หรือไปกู้เงินจากต่างประเทศมาเพื่อพยุงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จนทำนโยบายด้านการเงิน และเศรษฐกิจของประเทศต้องมาอยู่ภายในการควบคุมของต่างชาติอีกครั้ง เหมือนช่วงปี 2540 แต่อาจจะมีความรุนแรงมากกว่าตรงที่ประเทศไทยมีโอกาสจะโดนกลุ่มนักลงทุนต่างชาติฉวยโอกาสเข้ามากว้านซื้อที่ดิน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลเสียระยะยาวต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ



สรุปธุรกิจที่จะรุ่งในปี 2563

1. ธุรกิจขายอาหาร เครื่องดื่ม หรือของกินเพื่อสุขภาพ

2. ธุรกิจประกันสุขภาพ ประกันชีวิต 

3. ธุรกิจบริการการแพทย์ และธุรกิจ Health Care ทุกประเภทที่ส่งเสริมความงาม และสุขภาพ 



4. ธุรกิจการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล (รวมไปถึงธุรกิจสีเทาที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบด้วย)

5. ธุรกิจเช่าซื้อ และ Sharing Economy ทุกประเภทที่ไม่การครอบครอบงทรัพย์สิน เน้นการจ่ายครั้งเดียว ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเป็นหนี้ในระยะยาว

6. ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อ ทัวร์ทำบุญ คอร์สนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม และเครื่องลางของขลัง