"จุรินทร์" ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบ แต่ไม่ได้เลวร้ายสุด

2020-10-08 21:35:00

"จุรินทร์" ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบ แต่ไม่ได้เลวร้ายสุด

Advertisement

"จุรินทร์" ชี้เศรษฐกิจไทยติดลบ แต่ไม่ได้เลวร้ายสุด  ปรับรูปแบบการส่งออกจากออฟไลน์มาแบบออนไลน์ ลุยปั้นเด็กรุ่นใหม่ GenZ ให้มีอาชีพ

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ร่วมเวที Nation Exclusive Talk ในหัวข้อ"วิกฤติการเมืองไทยอะไรคือทางออก"


โดยช่วงหนึ่งนายจุรินทร์ ระบุว่า การเมือง เศรษฐกิจ โควิดทั้งหมดนี้แยกส่วนไม่ได้ ขณะนี้เศรษฐกิจไทยติดลบ 8.3 เปอร์เซ็นต์ จากการคาดการณ์ของธนาคารโลก เพราะเกิดจากเศรษกิจโลก สงครามการค้าและโควิด-19 ส่งผลกระทบทุกภูมิภาคและกระทบการส่งออก แต่เราไม่ได้เลวร้ายสุดเนื่องจากทุกประเทศต่างก็ติดลบ ส่วนปัญหาการเมืองนั้นแม้ไทยจะแก้ปัญหาโควิดได้ดีแต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทำให้ส่งผลต่อการเมือง อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์เราดูแลเกษตรกรโดยนโยบายประกันรายได้ ทั้งข้าว ปาล์ม มันสำปะหลัง ยางพารา และข้าวโพดก็สามารถช่วยเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่สมควร ส่วนการนำเม็ดเงินเข้าประเทศ ที่ผ่านมาคือการส่งออกเราก็ปรับแผนยุทธศาสตร์มีการตั้ง กรอ. พาณิชย์ให้ราชการกับเอกชนทำงานร่วมกัน ปรับบทบาททูตพาณิชย์ ปรับบทบาทพาณิชย์จังหวัด เป็นเซลล์ซึ่งตนเองก็เป็นเซลแมนประเทศ


นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราปรับแผนเพื่อผลิตข้าวที่ตลาดโลกต้องการ ปรับรูปแบบการส่งออกจากออฟไลน์มา แบบออนไลน์ แล้วต้องปรับเป็น hybrid คือทำทั้งสองแบบในเวลาเดียวกัน จัดพบปะเพื่อออเดอร์สินค้าผ่านช่องทางออฟไลน์และเชิญผู้ซื้อดูผ่านจอออนไลน์ ทำโบวชัวร์แสดงสินค้าและให้ทูตพาณิชย์เจรจาออนไลน์โดยผู้ส่งออกอยู่ในประเทศ ทั้งหมดเราได้ดำเนินการแล้ว เช่นล่าสุดเรา Matching ยางพาราด้วยวิธี  hybrid กับผู้ประกอบการ 12 ประเทศสามาาถขายได้กว่า 2,800 ตันหรือ งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มก็ได้ยอดกว่า 7,918 ล้านบาท เป็นต้น


ทางด้านดิจิทัลและการค้ายุคใหม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่าได้มีการปรับแผนด้วยการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ประสานงาน platform  shopee lazada และต่างประเทศ เช่น alibaba tmall amazon bigbasket thaitown.com และ อบรมให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่ Smart farmer อบรมการค้าออนไลน์ให้เด็กรุ่นใหม่ซึ่งเป็นตัวของตัวเองและอยากเป็นเจ้านายตัวเองให้มีธุรกิจของตัวเองนี่คือหัวใจสำคัญเด็กรุ่นใหม่เราปั้นเด็ก GenZ เป็น CEO ทำไปแล้ว 1,500 คนและจะทำต่อไปตามแผนคือ 12,000 คนและต่อๆไป โดยร่วมกับหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ