ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะสานต่อการเดินทางธุรกิจ ระหว่าง 2 ประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 8 ต.ค. เป็นต้นไป หลังหยุดมานานหลายเดือน เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นความเคลื่อนไหว ที่อาจจะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ ที่ต่ำลงเป็นประวัติการณ์ จากประเด็นพิพาทการบังคับใช้แรงงานชาวเกาหลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
นายโตชิมิตสึ โมเตงิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงต่อสื่อมวลชน ในกรุงโตเกียว เมื่อวันอังคาร (6 ต.ค.) ว่า ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ อยู่ในสถานการณ์ร้ายแรงสุดขีด (extremely severe situation) ดังนั้นการแลกเปลี่ยนของประชาชน 2 ประเทศ เริ่มจากนักธุรกิจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ภายใต้ข้อตกลงทวิภาคี นักเดินทางธุรกิจระยะสั้น ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน เมื่อเดินทางถึงจุดหมาย หากแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นลบ ก่อนออกเดินทาง และยื่นแสดงรายละเอียดแผนการเดินทาง
สำหรับผู้อพยพชาวญี่ปุ่นและชาวเกาหลีใต้ ที่อาศัยอยู่ในประเทศอีกฝ่าย และผู้อยู่อาศัยระยะยาวอื่นๆ จะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้ แต่ต้องเข้ารับการกักตัว 2 สัปดาห์
ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ เสื่อมทรามลง นับตั้งแต่ศาลเกาหลีใต้มีคำตัดสินหลายคดี สั่งให้กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นหลายบริษัท จ่ายเงินชดเชยแก่แรงงานเกาหลีใต้ ที่กล่าวหาว่าถูกบังคับใช้แรงงานยุคสงครามโลก และจากการที่ญี่ปุ่นดูเหมือนจะตอบโต้ ด้วยการควบคุมการส่งออก วัตถุดิบผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ให้เกาหลีใต้
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ติดต่อประสานงานกันตั้งแต่เดือน ก.ค. เพื่อสานต่อการเดินทางธุรกิจ และเดือนที่แล้วนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ ตกลงกันทางโทรศัพท์ ให้เร่งการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
จากข้อมูลขององค์การท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีชาวเกาหลีใต้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น ประมาณ 5.58 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 รองจากชาวจีน ซึ่งไปเยือน 9.59 ล้านคน โดย 310,000 คนของชาวเกาหลีใต้ดังกล่าว เป็นการไปเยือนเพื่อทำธุรกิจ.