"เทพไท" เชื่อ "อาคม"ทนแรงเสียดทานนักการเมืองเขี้ยวลากดินได้

2020-10-07 08:22:18

"เทพไท" เชื่อ "อาคม"ทนแรงเสียดทานนักการเมืองเขี้ยวลากดินได้

Advertisement

"เทพไท" เชื่อ "อาคม"ทนแรงเสียดทานนักการเมืองเขี้ยวลากดินได้ แนะนายกฯให้ควบรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ 

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  กล่าวถึง การมีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รมว.คลัง ว่า ตนได้แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเลือกนายอาคม  เป็น รมว.คลัง มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเห็นว่ามีการว่างเว้น รมว.คลังมาเป็นเวลานับเดือน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร ในการหาผู้กล้าที่เสียสละ มีความรู้ความสามารถ มีความเหมาะสม มาทำงานร่วมทีมกับพล.อ.ประยุทธ์  ในที่สุดก็เห็นว่านายอาคม เป็นผู้เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง กับการรับหน้าที่ทำงานเคียงข้างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และจะต้องทำงานร่วมกับรัฐมนตรีที่มาจากนักการเมือง ซึ่งอาจจะมีความกดดัน หรือแรงเสียดทานจากนักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดินได้ สำหรับนายอาคมได้ผ่านประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับนักการเมืองมาก่อน จึงมีความเข้มแข็งพอที่จะรับแรงเสียดทานจากฝ่ายการเมืองได้ ไม่เปราะบางเหมือนนักธุรกิจที่มาจากภาคเอกชน

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนตัวอยากจะเห็นนายอาคม ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะในอดีตที่ผ่านมา ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ จะควบ รมว.คลังเป็นส่วนใหญ่ เพราะกระทรวงการคลัง คือหัวใจของงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ตนเป็น ส.ส.มา20ปี เพิ่งจะมีเพียงครั้งนี้เป็นครั้งแรกเท่านั้น ที่ รมว.พลังงาน ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งตั้งแบบผิดฝาผิดฝั่ง จากแนวทางที่เคยปฏิบัติกันมา จนถึงวันนี้ตนก็ยังไม่เห็นบทบาทของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเลย อาจจะเพราะเป็นรัฐมนตรีมือใหม่ ยังไม่สันทัด หรือมีความคล่องตัวเพียงพอในการทำหน้าที่เสนาบดีบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งแตกต่างกับบทบาทนักธุรกิจบริหารงานของภาคเอกชน

นายเทพไท กล่าวด้วยว่า ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะสลับสับเปลี่ยนให้นายอาคม ควบรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะมีความเหมาะสมกว่า นายสุพัฒนพงษ์ ที่จนถึงวันนี้ ผู้คนในสังคมยังไม่คุ้นชื่อนามสกุลของท่านเลย แม้ว่าการแสดงความเห็นของตนจะอาจจะถูกมองว่าเป็นการก้าวล่วงการตัดสินใจของนายกรัฐมตรีก็ตาม แต่ขอเรียนว่าเป็นการแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพียงเพื่อหวังให้รัฐบาลนำพาประเทศก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้โดยเร็วที่สุด