“วิชา” เข้าพบนายกฯ ยัน 2 หลักการในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ คือ ระบบอาวุโสกับความรู้ความสามารถ และสายสอบสวน ต้องเป็นสายที่มีความรู้ความชำนาญ เป็นอิสระ ได้รับค่าตอบแทนที่เป็นพิเศษ
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดเผยภายหลังนำรายงานผลสรุปแนวทางปฏิรูปกฎหมายในระบบกระบวนการยุติธรรมในการค้นหาความจริงกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส” ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชม.
นายวิชา กล่าวว่า การเข้าพบนายกฯวันนี้เป็นไปด้วยดี คณะกรรมการได้ทำงานตามกำหนดระยะเวลาที่เสร็จสิ้นในวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคดีนายวรยุทธ ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยโดยสมบูรณ์ โดยนายกฯ รับฟังความคิดเห็นทั้งหมดของคณะกรรมการ แต่ได้ตั้งข้อสังเกตเล็กน้อย คือ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โดยนายกฯ อธิบายให้ฟังว่าถึง ครม. แล้ว ซึ่ง ครม. ก็ได้ส่งให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณา โดยเฉพาะตำรวจ ก็ปรากฏว่าหายไปเป็นเดือนแล้วจึงกลับมา ก่อนจะได้รับการแก้ไขอย่างที่เราทราบดีอยู่ ซึ่งคณะกรรมการได้ชี้แจงให้นายกฯ ฟัง ในประเด็นสำคัญที่เราไม่อยากให้เปลี่ยน เรื่องแรก คือ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือระบบอาวุโสกับความรู้ความสามารถ และเรื่องที่ 2 คือ สายสอบสวน ต้องเป็นสายที่มีความรู้ความชำนาญ เป็นอิสระ และได้รับค่าตอบแทนที่เป็นพิเศษ
นายวิชา กล่าวอีกว่า นายกฯ บอกว่า สำหรับการสอบสวนที่จะต้องเป็นแท่ง และอิสระ ก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง แต่ระบบการแต่งตั้งของตำรวจ เนื่องจากว่ามีขบวนการมานานแล้ว ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักอาวุโส ที่เห็นๆ กันอยู่ว่ามีการแต่งตั้งข้ามหัวกันไปเยอะแยะ ฉะนั้นอาจจะต้องมีการใช้บทเฉพาะกาลอะไรไว้ให้ เพื่อให้ปรับตอนเข้าระบบการเปลี่ยนผ่าน เพราะถ้าหากใช้ทันที ก็จะเกิดข้อร้องเรียนเยอะแยะ ว่าสายทั่วไปแต่ระบบอาวุโสจริงหรือไม่ ถือว่าเป็นข้อที่น่าสังเกตก็แล้วกัน ขณะเดียวกันนายกฯ ได้ส่งเรื่องนี้ไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาถึงเรื่องเงิน เพราะเป็นกฎหมายใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย ดังนั้นจึงยังมีเวลาไปปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำเข้าสู่สภาฯ
เมื่อถามย้ำว่า จะมีการแก้ไขมติ ครม. หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า นายกฯรับเรื่องไปแล้วกัน บอกว่าขอรับไปและไปดูให้รอบคอบ ตามที่เราให้ข้อสังเกตไว้ โดยยืนยันว่าอย่างไรก็ตาม 2 หลักนี้ ต้องให้ปรากฏอยู่ในตัวกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีเรื่องอื่นๆ ที่ตำรวจขอปรับแก้ ที่เรียกว่าแปลงสารอะไรทำนองนี้ แต่เราเห็นว่าไม่สำคัญเท่า 2 หลักนี้