"อนุทิน"เปิดโครงการนำยางพารามาใช้ปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน

2020-09-30 22:05:51

"อนุทิน"เปิดโครงการนำยางพารามาใช้ปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน

Advertisement

"อนุทิน"เป็นประธานเปิดโครงการนำยางพารามาใช้ปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน จ.อุทัยธานี  ทั้งเครื่องกั้นถนนครอบวัสดุยางพารา หลักนำทาง

เมื่อวันที่ 30  ก.ย. กระทรวงคมนาคมจับมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ Kick off โครงการนำยางพารามาปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน ล่าสุด Kick off โครงการที่ จ.อุทัยธานี เป็นจังหวัดที่ 6 ซึ่งเป็นจังหวัดในภาคกลาง ทั้งนี้นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข  ได้เป็นประธานเปิดโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน  โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม   น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผวจ.อุทัยธานี อธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมทางหลวงชนบท รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมงานด้วย


นายศักดิ์สยาม กล่าวว่ากระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกันผลักดันโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน โดยนำยางพารามาเป็นส่วนผสมในการทำเครื่องกั้นถนนครอบวัสดุยางพาราหรือ Rubber fender barrier และหลักนำทางยางธรรมชาติ โดย ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณตั้งต้นโครงการเพื่อใช้ภายในเดือน พ.ย. 2563 วงเงินกว่า 2,700 ล้านบาท หลังจากนั้นได้เดินหน้า Kick off สร้างการรับรู้กับชาวสวนยาง เริ่มจาก จ.จันทบุรี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดโครงการ และกระทรวงคมนาคม ยังได้ลงพื้นที่เริ่ม Kick off โครงการในหลายจังหวัด ประกอบด้ย สตูล นครพนม บึงกาฬ เลย และล่าสุดที่ จ.อุทัยธานี


รมว.คมนาคม กล่าวด้วยว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้กำหนดแผนการดำเนินโครงการ ดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2563-2565 โดย มีปริมาณการใช้ยางพารา จำนวน 1,007,951 ตัน และจะนำ 2 ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว มาใช้ติดตั้งบนถนนของ ทล. และ ทช. ระยะทางรวม 12,282 กิโลเมตร คิดเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวน ยางจะได้รับ จำนวน 30,108 ล้านบาท และจะมีการสำรวจตรวจสอบเพื่อเปลี่ยนแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต และหลักนำทางยางธรรมชาติ ทดแทนที่เสื่อมสภาพหรือมีความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งต้องใช้ยางพาราในทุกๆ ปี ปีละไม่น้อย กว่า 336,000 ตัน


สำหรับปริมาณการใช้ยางพาราในโครงการดังกล่าว รมว.คมนาคม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ในปี 2562 มีปริมาณการใช้น้ำอย่างพาราสดในโครงการของรัฐมากกว่า 129,000 ตัน แต่เมื่อมีโครงการนำร่องการนำยางพารามาผลิตใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยบนท้องถนนใน 3 เดือนนี้ พบว่า มีปริมาณการใช้ยางพารากว่า 50,000 ตัน ซึ่งถือว่า เป็นปริมาณการใช้ ที่เท่ากับปริมาณในปี 2561 โดยกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มั่นใจว่าโครงการยางพาราเพื่อความปลอดภัยทางถนนนี้ เมื่อมีเป้าหมายในการใช้ยางพาราแต่ละปีชัดเจน จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาให้แก่ยางพาราเพิ่มขึ้น โดยหลังจากการเริ่มต้นโครงการเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา 1 เดือน ล่าสุดราคาน้ำยางพารา อยู่กิโลกรัมละ 63 บาท ขณะที่ราคายางก้อนถ้วย มีเกษตรกรในพื้นที่ จ.อุทัยธานีนิยมผลิตเพื่อทำการขายนั้น ก่อนที่จะมีโครงการราคาเคยตกต่ำถึงกิโลกรัมละ 8 บาท ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นโครงการแต่ ณ วันนี้ ราคายางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 22 บาท โดยกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป้าหมายที่จะผลักดันให้ราคายางก้อนถ้วยนี้ กิโลกรัมละ 28 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.อุทัยธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางของไทย ที่มีการปลูกยางพาราจำนวนมากโดยข้อมูลล่าสุดของการยางแห่งประเทศไทยพบว่ามีเกษตรกรชาวสวนยางจำนวน 1,994 รายพื้นที่ปลูกยางรวมทั้งสิ้น 35, 878 ไร่ โดยผลผลิตยางพาราแบ่งเป็นยางแผ่นดิบ 598 ตันคิดเป็นร้อยละ 77.25 และยางก้อนถ้วย 155 ตันคิดเป็นร้อยละ 20.0 2 ( ข้อมูลณวันที่ 23 ก.ย.2563)นอกจากนี้ อุทัยธานียังเป็นจังหวัดที่มีสหกรณ์ชาวสวนยางที่เข้มแข็ง โดยกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ มั่นใจว่าการดำเนินโครงการใช้ยางพาราเพื่อความปลอดภัยทางถนน ซึ่งจะใช้สหกรณ์สวนยาง เป็นกลไกในการรับซื้อยางจากชาวสวน จะมีส่วนในการสนับสนุนให้มีการกำหนดราคารับซื้อที่สร้างรายได้แก่ชาวสวนยางในระดับที่น่าพอใจ ทำให้ราคายางพาราในประเทศ มีเสถียรภาพได้ในระยะยาว