๑๓ ต.ค.๒๕๕๙ ร่ำไห้ทั้งแผ่นดิน(คลิป)

2017-10-12 23:55:24

๑๓ ต.ค.๒๕๕๙ ร่ำไห้ทั้งแผ่นดิน(คลิป)

Advertisement


โอ้ว่าพระทูนกระหม่อมแก้ว

ทรงลาลับแล้วครรไลสวรรค์

ดวงใจราษฎร์เจียนขาดเหลือรำพัน

เสียงสะอื้นครื้นครั่นทั่วธานี

แม้รับรู้ว่าสักคราต้องมาถึง

แต่ใจหนึ่งอยากหน่วงให้เต็มที่

ไม่อยากให้ไม่อยากเห็นเช่นวันนี้

คือวันที่ราษฎร์รัฐขาดฉัตรชัย

ทรงเหน็ดเหนื่อยทรมานมานานนัก

ถึงเวลาจะผ่อนพักแล้วใช่ไหม

นิทราเถิดพ่อหลวงของปวงไทย

สู่สวรรคาลัยชั่วนิรันดร์

ณ วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.2559 เป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยทุกคนมิอาจลืมความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เมื่อสำนักพระราชวังประกาศ ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ต.ค.2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำ ดับถึง วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.2559 เวลา 15.52 น. เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี



พลันสิ้นประกาศจากสำนักพระราชวัง หยดน้ำตาแห่งความเสียใจ ของทุกคนต่างพรั่งพรูออกมาโดยมิได้นัดหมาย สำนักข่าวต่างประเทศทุกสำนักทั่วโลก พร้อมใจกันรายงานข่าวการเสด็จสวรรคต และความโศกเศร้าของพสกนิกรชาวไทยไปทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่ไปสวดมนต์ถวายพระพรแด่พระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราชในวันดังกล่าวต่างพากันร่ำไห้ หัวใจแตกสลาย บางคนถึงขั้นเป็นลมล้มพับ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่ง ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่อยู่ในราชอาณาจักร และในต่างประเทศทั่วโลกทุกท่าน วันที่ชาวไทยทั้งปวง ไม่ต้องการแม้แต่จะนึกคิด และไม่ปรารถนาแม้แต่จะได้ยินก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้วในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช ถือว่าเป็นการสูญเสีย และความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทย ทั้งประเทศ นับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2489
รัฐบาลขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านแต่งกายถวายความอาลัย เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.2559 สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน และทุกภาคส่วน ควรพิจารณางดการจัดงานรื่นเริงต่างๆ เป็นเวลา 30 วัน อีกทั้งควรใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจแก่กันและกัน เพราะเราทุกคนต่างก็มีหัวอกเดียวกัน เพราะมีพ่อของแผ่นดินร่วมกัน



ต่อมาบ่ายวันศุกร์ที่ 14 ต.ค.2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ไปยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเคลื่อนพระบรมศพไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยรถตู้ทะเบียน 1ด-0929 โดยมีรถของสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร นำขบวนอัญเชิญพระบรมศพ

ขณะเคลื่อนขบวนพระบรมศพ จากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ประชาชนตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ ต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีดำไปจับจองพื้นที่สองข้างทางตั้งแต่เช้ามืด พาหัวใจอันเปี่ยมล้นด้วยความจงรักภักดีในมือถือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านไปด้วย พลันที่รถตู้เคลื่อนขบวนพระบรมศพแล่นผ่าน ทุกคนต่างกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่ บรรยากาศในตอนนั้นเงียบสงัด มีเพียงความโศกเศร้า และคราบน้ำตาเท่านั้นที่หลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

เวลา 17.00 น. วันที่ 14 ต.ค.2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ในการพระราชพิธีถวายสรงน้ำพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา และทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องสักการะ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร อัญเชิญพระบรมโกศประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง



หลังจากเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว ได้จัดให้มีการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นประจำทุกวัน และพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ครบ 7 วัน (สัตตมวาร) ครบ 15 วัน(ปัณรสมวาร) ครบ 50 วัน (ปัญญาสมวาร) และครบ 100 วัน (สตมวาร) การบำพ็ญพระราชกุศล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทภายใน พระบรมมหาราชวังในแต่ละวัน จะมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาบำเพ็ญพระกุศล จนครบ 100 วัน แต่ละวันมีการสวดพระอภิธรรมโดยพระพิธีธรรมจากพระอารามหลวง 10 แห่ง ได้แก่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดสระเกศ วัดระฆังโฆสิตาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดอนงคาราม วัดราชสิทธาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป

ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สตมวาร (100 วัน) เสร็จสิ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

นอกจากนี้ประชาชนจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ต่างพร้อมใจกันเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพด้วยความจงรักภักดี และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2559-5 ต.ค.2560 รวม 337 วันจำนวนทั้งสิ้น 12,739,531 คน นอกจากนี้ยังมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็น เป็นเงิน 889,545,100.01 บาท 




ประมวลภาพบรรยากาศวันเคลื่อนขบวนพระบรมศพ จากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง 14 ต.ค.2559