โอ้ว่าพระทูนกระหม่อมแก้ว
ทรงลาลับแล้วครรไลสวรรค์
ดวงใจราษฎร์เจียนขาดเหลือรำพัน
เสียงสะอื้นครื้นครั่นทั่วธานี
แม้รับรู้ว่าสักคราต้องมาถึง
แต่ใจหนึ่งอยากหน่วงให้เต็มที่
ไม่อยากให้ไม่อยากเห็นเช่นวันนี้
คือวันที่ราษฎร์รัฐขาดฉัตรชัย
ทรงเหน็ดเหนื่อยทรมานมานานนัก
ถึงเวลาจะผ่อนพักแล้วใช่ไหม
นิทราเถิดพ่อหลวงของปวงไทย
สู่สวรรคาลัยชั่วนิรันดร์
ณ วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.2559 เป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยทุกคนมิอาจลืมความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เมื่อสำนักพระราชวังประกาศ ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ต.ค.2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำ ดับถึง วันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.2559 เวลา 15.52 น. เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี
พลันสิ้นประกาศจากสำนักพระราชวัง หยดน้ำตาแห่งความเสียใจ ของทุกคนต่างพรั่งพรูออกมาโดยมิได้นัดหมาย สำนักข่าวต่างประเทศทุกสำนักทั่วโลก พร้อมใจกันรายงานข่าวการเสด็จสวรรคต และความโศกเศร้าของพสกนิกรชาวไทยไปทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่ไปสวดมนต์ถวายพระพรแด่พระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราชในวันดังกล่าวต่างพากันร่ำไห้ หัวใจแตกสลาย บางคนถึงขั้นเป็นลมล้มพับ
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012111250375.jpg)
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่ง ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่อยู่ในราชอาณาจักร และในต่างประเทศทั่วโลกทุกท่าน วันที่ชาวไทยทั้งปวง ไม่ต้องการแม้แต่จะนึกคิด และไม่ปรารถนาแม้แต่จะได้ยินก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้วในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช ถือว่าเป็นการสูญเสีย และความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทย ทั้งประเทศ นับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2489
รัฐบาลขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านแต่งกายถวายความอาลัย เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.2559 สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน และทุกภาคส่วน ควรพิจารณางดการจัดงานรื่นเริงต่างๆ เป็นเวลา 30 วัน อีกทั้งควรใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจแก่กันและกัน เพราะเราทุกคนต่างก็มีหัวอกเดียวกัน เพราะมีพ่อของแผ่นดินร่วมกัน
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012111400741.jpg)
ต่อมาบ่ายวันศุกร์ที่ 14 ต.ค.2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ไปยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเคลื่อนพระบรมศพไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยรถตู้ทะเบียน 1ด-0929 โดยมีรถของสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร นำขบวนอัญเชิญพระบรมศพ
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012111545116.jpg)
ขณะเคลื่อนขบวนพระบรมศพ จากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ประชาชนตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงไปจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ ต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีดำไปจับจองพื้นที่สองข้างทางตั้งแต่เช้ามืด พาหัวใจอันเปี่ยมล้นด้วยความจงรักภักดีในมือถือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านไปด้วย พลันที่รถตู้เคลื่อนขบวนพระบรมศพแล่นผ่าน ทุกคนต่างกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่ บรรยากาศในตอนนั้นเงียบสงัด มีเพียงความโศกเศร้า และคราบน้ำตาเท่านั้นที่หลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012111954747.jpg)
เวลา 17.00 น. วันที่ 14 ต.ค.2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ในการพระราชพิธีถวายสรงน้ำพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา และทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องสักการะ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร อัญเชิญพระบรมโกศประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012112144123.jpg)
หลังจากเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว ได้จัดให้มีการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นประจำทุกวัน และพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ครบ 7 วัน (สัตตมวาร) ครบ 15 วัน(ปัณรสมวาร) ครบ 50 วัน (ปัญญาสมวาร) และครบ 100 วัน (สตมวาร) การบำพ็ญพระราชกุศล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทภายใน พระบรมมหาราชวังในแต่ละวัน จะมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาบำเพ็ญพระกุศล จนครบ 100 วัน แต่ละวันมีการสวดพระอภิธรรมโดยพระพิธีธรรมจากพระอารามหลวง 10 แห่ง ได้แก่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดสระเกศ วัดระฆังโฆสิตาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดอนงคาราม วัดราชสิทธาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012112520574.jpg)
ภายหลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สตมวาร (100 วัน) เสร็จสิ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012113544800.jpg)
นอกจากนี้ประชาชนจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ต่างพร้อมใจกันเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพด้วยความจงรักภักดี และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20171012114428449.jpg)
สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2559-5 ต.ค.2560 รวม 337 วันจำนวนทั้งสิ้น 12,739,531 คน นอกจากนี้ยังมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็น เป็นเงิน 889,545,100.01 บาท
ประมวลภาพบรรยากาศวันเคลื่อนขบวนพระบรมศพ จากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง 14 ต.ค.2559