"แม่"สุดทนร้องลูก ป.2 ถูก ม.3 ทำร้ายแต่ รร.ไม่เหลียวแล

2020-09-25 11:35:36

"แม่"สุดทนร้องลูก ป.2 ถูก ม.3 ทำร้ายแต่ รร.ไม่เหลียวแล

Advertisement

"แม่" สุดทนร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ ปม "ลูก ป.2" ถูก "รุ่นพี่ ม.3" ทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่ รร.ไม่เหลียวแล

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 241/3 ม.9 บ้านมาบแบก ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หลังได้รับการร้องเรียนจาก นางวรรดี ณ พัทลุง อายุ 39 ปี ว่าลูกชาย คือ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 8 ปี นักเรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ถูกรุ่นพี่ ม.3 โรงเรียนเดียวกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ศีรษะ และมือ จนต้องหามส่งโรงพยาบาลเพื่อสแกนสมอง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุทั้งโรงเรียน และผู้ปกครองรุ่นพี่ ม.3 ไม่มีวี่แววว่าจะแสดงความรับผิดชอบที่ทำร้ายลูกของตน จึงต้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนให้กับครอบครัว และขณะนี้พาลูกย้ายโรงเรียนแล้ว

นางวรรดี เล่าว่า วันเกิดเหตุ ครูประจำชั้นของน้องเอ โทรมาแจ้งตนว่า น้องเอ ไม่รู้ไปทำอะไรจึงถูก พี่ ม.3 ผลักจนพลัดตกบนทางเท้า จึงพาน้องเอ ไปส่งที่โรงพยาบาลย่านตาขาว ตนจึงรีบไปที่โรงพยาบาล จึงพบกับสภาพลูกที่มีแผลเต็มใบหน้า ส่วนศีรษะบวมปูด และที่หลังมือก็มีบาดแผล ตนจึงถามคุณครูที่พาน้องเอ มาส่งโรงพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งครูบอกว่าเด็กทะเลาะกัน ตอนนี้กำลังไต่สวน ม.3 อยู่ จากนั้นมีครูอีกคนหนึ่งเดินมาพูดว่าโตแล้วทำน้องจะต้องรับบทลงโทษให้ถึงที่สุด จากนั้นโรงพยาบาลจึงนำลูกไปสแกนสมอง เนื่องจากศีรษะด้านหลังได้รับความการกระทบกระเทือน เมื่อแสกนเสร็จตนจึงพาลูกกลับบ้านเพื่อดูอาการ




แม่เด็กชายเอ เล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุมีครูฝ่ายปกครอง สั่งห้ามตนว่าไม่ให้บอกสื่อ และห้ามแจ้ง สพฐ. เพราะกลัวโรงเรียนจะเสียชื่อเสียง ซึ่งตนก็พร้อมจะให้โอกาส แต่ตนยังสงสัยว่าเพราะเหตุใดลูกจึงถูกทำร้าย จึงไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดกับทางโรงเรียน แต่สุดท้ายทางโรงเรียนก็ไม่ให้ดู ทำให้ตนรู้สึกแย่มาก เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ให้ความช่วยเหลือ และไม่แสดงถึงความรู้สึกใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนจึงยื่นข้อเสนอให้ทางโรงเรียนและผู้ปกครองของรุ่นพี่ ม.3 รับผิดชอบเยียวยาสภาพจิตใจลูกและครอบครัวจำนวน 3 แสนบาท แต่ทางโรงเรียนและผู้ปกครองรุ่นพี่ ไม่รับข้อเสนอ โดยขอเวลาปรึกษาก่อนให้คำตอบในวันที่ 10 ก.ย. แต่พอถึงวันที่ ก.ย. กลับไม่มีการนัดพบ ซ้ำร้ายกว่านั้น คือ ผู้ช่วยอำนวยการโรงเรียนโทรมาแจ้งว่าตนว่า ให้พาลูกของตนไปโรงเรียนเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ส่วนรุ่นพี่ ม.3 ที่กระทำผิด ทางโรงเรียนจะพักการเรียน และเรียกผู้ปกครองของเด็กที่กระทำผิดมาตักเตือน หรือถ้าผู้ปกครองจะไปแจ้งความทางโรงเรียนก็ไม่ขัดข้อง

แม่เด็กชายเอ เล่าเพิ่มเติมว่า หลังผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนโทรมาหา ทำให้ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งรุ่นพี่ ม.3 ซึ่งเป็นคนก่อเหตุก็มาเรียนตามปกติ ไม่มีการพักการเรียนตามที่โรงเรียนแจ้งแต่อย่างใด ตนและครอบครัวจึงรับไม่ได้ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ย่านตาขาว เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังแจ้งความทางตำรวจก็เรียกไปเจรจาไกล่เกลี่ย ตนจึงบอกข้อเสนอให้ทางโรงเรียนและคู่กรณีรับผิดชอบ แต่ทางโรงเรียนและคู่กรณีบอกว่ารับไม่ได้ และจะไม่จ่ายค่าอะไรทั้งสิ้น และจะจ่ายเพียงค่าปรับเท่านั้น ตนจึงย้ายลูกไปเรียนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.ปะเหลียน พร้อมเรียกร้องขอให้ทางโรงเรียนเปิดเผยภาพวงจรปิด และให้รับผิดชอบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และให้ตำรวจดำเนินคดีกับรุ่นพี่คนดังกล่าว