ไม่เคยรู้มาก่อน !! "แนท อนิพรณ์" เผยคดีเจ้าหนี้แจ้งจับคุณแม่

2020-09-11 18:10:31

ไม่เคยรู้มาก่อน !! "แนท อนิพรณ์" เผยคดีเจ้าหนี้แจ้งจับคุณแม่

Advertisement

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่หลายคนจับตามองหลังมีเจ้าหนี้หลายรายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ "น.ส.ภิญญลักษณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" ซึ่งเป็นคุณแม่ของดารานักแสดงสาว ”แนท อนิพรณ์“ จากกรณีที่คุณแม่ของสาวแนทได้ชวนบุคคลต่างๆ มาลงทุนทำโมเดลลิ่งเพื่อถ่ายโฆษณาให้แบรนด์สินค้าหนึ่งจนกลายเป็นหนี้สินหลายล้านบาท ล่าสุดสาวแนทได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้ในงาน ”Wedding Fair 2020 by NEO” โดยเจ้าตัวได้เผยถึงข่าวนี้ว่า

เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่ ?
จริงๆ หนูก็รับรู้พร้อมกับทุกๆ คนนะคะ อันนี้คือเรื่องจริง หนูรับรู้ข้อมูลที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนหรือใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับเจ้าหนี้พร้อมกับทุกๆ คนเลยค่ะ หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ก็มารับทราบพร้อมกับทุกคน





เรามีโอกาสพูดคุยหรือติดต่อกับคุณแม่บ้างไหม ?
จริงๆ หนูกับแม่เรางอนกันบ่อยอยู่แล้วค่ะ งอนตามประสาเด็กขี้น้อยใจ และหนูก็จะแบบเมื่อไหร่แม่จะทักมานะ คือเป็นการงอนกันเล็กๆ น้อยๆ แต่ด้วยความที่หนูไม่คิดเหมือนกันว่าการที่เราไม่ได้คุยกันเยอะๆ มันจะทำให้เราไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้เราจะคุยกันบ้าง แต่ก็แค่ประปรายเท่านั้น ไม่ได้ลงลงลึกขนาดนั้น แค่แบบสบายดีไหมประมาณนี้ค่ะ



เรากับคุณแม่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี อย่างที่คุณแม่บอกจริงหรือเปล่า ?
ถ้าเจอกันแบบตัวต่อตัวก็คือเป็นปีค่ะ เพราะหนูจะมีบ้านที่อยู่กับคุณตาคุณยาย และบวกกับช่วงหลังมานี้หนูทำงานค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตอนที่ถ่ายละครเรื่องรักสิบล้อ ตอนนั้นหนูเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลยด้วย หนูจะอยู่กับคุณน้าเป็นหลัก เพราะคุณน้าจะคอยดูแลรับส่ง



คุณแม่บอกว่าเอาของที่เราให้ไปขาย เรารู้ไหม ?


จริงๆ มันก็เป็นของนอกกายเนอะ เหมือนกับที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์นั่นแหละค่ะ

คุณแม่มีปัญหาด้านการเงินมานานแล้วหรือเปล่า ?
ถ้าข้อมูลในข้อเท็จจริงอันนี้หนูไม่ทราบ เหมือนหนูเป็นคนที่แฟร์ๆ แมนๆ ด้วยมั้งคะ ค่อนข้างให้เกียรติและให้อิสระกับทุกคน ยกตัวอย่างถ้าหนูให้เงินคุณตาคุณยาย หนูก็จะไม่ถามท่านเลยว่าท่านเอาเงินไปทำอะไร หนูจะไม่ไปลงรายละเอียดตรงนั้น เพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบเอง

เริ่มระแคะระคายเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ที่หนูรู้ก็เพราะมีคนติดต่อมาทางพี่สาวหนูค่ะ ตอนนั้นหนูก็งงเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ พี่สาวหนูเขาก็เงียบๆ ไป หนูเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูถึงได้รับทราบค่ะ



เราไม่ทราบธุรกิจหรือการทำงานของคุณแม่เลยเหรอ ?
ถ้าในส่วนของการทำงานของคุณแม่ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้คุณแม่ทำงานกับหนูนะคะ ก็คือหนูจะมีผู้จัดการ 3 คน มีพี่เอ มีคุณแม่ และก็ช่อง ซึ่งทั้ง 3 คนจะบริหารงานกันโดยมีคุณแม่เป็นผู้จัดการกลาง พี่เอดูแลแฟชั่นโชว์ ส่วนช่องก็จะดูเรื่องของละครทุกอย่าง ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ หนูจะหักให้แม่ 30 เปอร์เซ็นต์ จากทุกงานที่แม่หาได้ และ 30 เปอร์เซ็นต์ จากงานละครด้วย



ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นใช่ไหม ?
ใช่ค่ะ มันก็อย่างนั้นเสมอมาค่ะ



ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ เราได้คุยกับคุณแม่ถึงเรื่องราวนี้บ้างไหม ?
ยังไม่ได้โทรเคลียร์กันขนาดนั้นค่ะ เพราะตอนนี้จากที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์เหมือนท่านก็พยายามหลบเราไปหลบเรามา แต่หนูเชื่อว่าถ้าหากแม่พร้อม ยังไงแม่ก็อยากคุยกับหนูอยู่แล้ว ส่วนตัวหนูเองหนูก็อยากคุยกับแม่อยู่แล้วค่ะ

เราเคยโดนเจ้าหนี้คุกคามบ้างไหม ?
มันตลกอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ก็คือทุกคนมักจะเข้าหาพี่สาวหนู แต่ไม่มีใครเข้าหาหนูโดยตรงเลย หนูยังสงสัยอยู่เลยค่ะว่าเป็นเพราะลุคหนูดูดุหรือเปล่า ทั้งๆ ที่หนูก็เฟรนด์ลี่นะ (หัวเราะ)

รู้สึกยังไงบ้างกับเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะชื่อเสียงเราก็สะสมมานาน ?
หนูมองว่ามันแยกส่วนกันนะคะ หนูเป็นแบบไหนหนูก็ยังเป็นแบบนั้นเสมอมา และอย่างที่บอกเราต้องให้เกียรติเขาค่ะ เขาจะทำอะไรเราไม่สามารถไปบังคับชีวิตเขาได้



แต่เรายังไม่ได้มีการพูดกับคุณแม่ใช่ไหม ?
ใช่ค่ะ ยังไม่ได้คุยกันโดยตรงเลย

ตัวเลขมันค่อนข้างสูงหลายล้านบาท ?
ตรงนี้ที่หนูคุยผ่านพี่สาว เหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายไปแล้ว และในช่วงนี้ก็น่าจะเป็นขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย การนัดกันไปที่สถานีตำรวจและคุยรายละเอียดกันระหว่างคุณแม่กับเจ้าหนี้ ซึ่งหนูยังไม่ได้เข้าไปแทรกแทรง

แต่เราไม่ได้จะเข้าไปช่วยจัดการใช่ไหม ?
หนูไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปจัดการอยู่แล้วค่ะ เพราะเท่าที่ทราบเหมือนเขาเองก็กำลังนัดกับตำรวจ และทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย

ถ้าคุณแม่เขาไม่มีเงินจ่าย เราพร้อมจะซัพพอร์ตช่วยเหลือไหม ?
คือตอนนี้หนูต้องยอมรับว่าหนูดูแลคุณตาคุณยายและน้องมาตลอด หนูเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ ซึ่งหนูก็ยังอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพราะว่าตอนนี้คุณตาคุณยายก็แก่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาลใดๆ หนูเป็นคนที่รับผิดชอบค่ะ ในส่วนตรงนั้นหนูต้องขอให้หนูกลับไปคุยกับทางครอบครัวหนูอีกทีหนึ่งค่ะ แต่ยังไงแล้วหน้าที่หลักของหนูคือต้องดูแลคุณตาคุณยาย แล้วก็มีน้องอีกค่ะ



ที่เราบอกว่างอนไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย ปัญหามาจากเรื่องเงิน เรื่องที่คุณแม่เอาของที่เราให้ไปขายด้วยหรือเปล่า ?
ไม่ใช่ค่ะ งอนประมาณว่าแม่มารับช้าอะไรแบบนี้ค่ะ หนูถ่ายละครแล้วมันเลิกดึกแล้วแม่มารับช้าก็เหมือนงอนๆ บางทีแม่มารับช้า บางทีแม่แกเขามีปัญหาในเรื่องของผ่าตัดตา แล้วเขาจะตาฝ้าๆ แล้วต้องทำกายภาพ บางทีเขาก็ลุกไม่ไหวในการที่จะมารับส่งเรา เราก็งอน ทำไมไม่มาหา ไม่มารับไม่มาส่ง แต่ว่าน้าเขาก็เป็นคนมาแสตนด์บายตลอดค่ะ แต่เราก็จะงอนๆ

คือเรื่องภาระหนี้สินเราไม่เคยระแคะระคาย จนมาเป็นข่าวใช่ไหม ?
ใช่ค่ะ หนูก็รู้พร้อมทุกคน

คุณแม่ได้มาขอโทษเราไหม ?
ถามว่าขอโทษไหม จริงๆ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะว่าเหมือนที่หนูบอกมันเป็นสิทธิของเขาว่าเขาจะทำอะไร หนูไม่สามารถจะห้ามได้อยู่แล้ว เหมือนกับคนที่มีลูก เราเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาได้ แต่เราไม่สามารถเลี้ยงความคิดความอ่านเขาได้ ถ้าเป็นในกรณีนี้ก็อาจจะคล้ายๆ กัน ทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพทางความคิด ซึ่งหนูไม่สามารถไปจำกัดความคิดของใครได้ค่ะ

ที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์ เหมือนเขาเขาจะซีเรียสว่าเจ้าหนี้จะมาต่อว่าเรา ?
หนูก็รู้สึกดีใจนะ แต่จริงๆ เจ้าหนี้ก็ไม่ได้มีใครได้มาคุกคามหรือมาต่อว่าอะไรหนูนะ เขาก็น่ารักนะคะ ไม่งั้นเขาก็คงเหมือนเขียนด่าหนูไปแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มีนะคะ



กลัวจะกระทบกับงาน กับภาพลักษณ์ของเราไหม ?
คือเหมือนที่หนูบอกว่าต้องแยกส่วนกัน อันนั้นคือสิ่งที่แม่ทำ แต่ว่าในส่วนตัวหนูถามว่ากังวลไหมหรอ หนูก็ไม่ได่กังวลมากมายขนาดนั้นค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราเป็นยังไง หนูเป็นยังไง หนูก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิม

ต้องตัดขาดการทำธุรกิจร่วมกันกับคุณแม่เลยไหม ?
คำช่างยิ่งใหญ่มาก เดี๋ยวก่อนนะคะ ตัดขาดการทำธุรกิจหรอคะ คือจริงๆ หนูน่าจะเรียกว่าน่าจะมีในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงการบริหารมากกว่า คือหลักๆ หนูมีผู้จัดการที่ช่อง มีพี่เออยู่แล้ว ก็มาคุยบริหารจัดการตรงนี้มากกว่าค่ะ

คุณแม่ไม่เคยมายืมเงินเพื่อเอาไปเคลียร์หนี้ใช่ไหม ?
ในส่วนที่หนูมีให้เขาหนูก็มีให้เขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล คุณแม่ผ่าตัดตา 2 ข้าง หนูเป็นคนโอนไวใจถึง หนูก็โอนให้แม่อยู่แล้ว ค่าทำกายภาพ ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เราก็มีการดูแลมาตลอดอยู่แล้วค่ะ จนถึงวันนี้ก็ยังดูแลอยู่ค่ะ

โมเดลลิ่งของแม่ที่บอกว่าชวนคนมาลงทุน อันนั้นมีอยู่จริงใช่ไหม ?
อันนี้หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะ



ในส่วนที่เราต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้แม่ อันนี้ไม่ใช่ใช่ไหม ?
ไม่ใช่ค่ะ มันเหมือนกับว่าสมมติว่าแม่เขาช่วยหางานให้เรา เราก็ให้แม่เขา 30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ มันก็คนละส่วนกันค่ะ

เป็นห่วงคุณแม่ไหม กลัวคุณแม่เครียดไหม ?
ในฐานะลูกก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ ก็เป็นห่วง ถามว่ากลัวเขาจะคิดมากไหม หนูรู้สึกว่าถ้าเขามาถึงตรงนี้ได้ เขาก็สตรองนะ เอาแบบตรงๆนะ เพราะเราก็รู้พร้อมกันหมดนะ ไม่ได้รู้ก่อนหน้านี้ ถ้าสมมติว่าเจ้าหนี้เขาไม่ทวงถาม ไม่โทรหาพี่สาว เราก็ไม่ทราบ ก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ เป็นห่วงในความรู้สึกของคุณตา คุณยายด้วย หนูก็จะบอกเสมอว่าหนูจะดูแลตากับยายให้ดีที่สุดค่ะ คือทักคนก็ทราบพร้อมๆกันนะคะ แต่ท่านก็อายุเยอะแล้ว ท่านก็ใช้คำว่าก็เข้าใจและต้องยอมรับแค่นั้นแหละค่ะ

แต่เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความแตกหักให้เรากับแม่ ?
จริงๆ ไม่ได้สร้างความแตกหักหรอกค่ะ มันแยกส่วนกันค่ะ