ศาลอนุมัติหมายจับ"แกนนำ"บุกชิงผู้ต้องหาลอบคราดหอย

2020-09-11 16:35:04

ศาลอนุมัติหมายจับ"แกนนำ"บุกชิงผู้ต้องหาลอบคราดหอย

Advertisement

ศาลสุราษฎร์ธานี อนุมัติหมายจับ "แกนนำ" ชิง "ผู้ต้องหา" ลอบคราดหอย ซ้ำทำร้าย "ประมงจังหวัด"

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. มีรายงานจากศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ศาลได้อนุมัติหมายจับ นายสายันต์ ศักดิ์ทอง, นายอนุชา บินมูซา และ น.ส.วรรณดี เทศงาม แกนนำเรือประมงพื้นบ้าน ในความผิดฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันกระทำด้วยประการใดให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการคุมขังไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย






สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา แกนนำเรือประมงพื้นบ้านทั้ง 3 ราย นำชาวบ้านไปปิดล้อมเรือตรวจการณ์ 78 ซึ่งเป็นเรือของตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ก่อนชิงตัว นายประเสริฐ การะพิทักษ์, นายสมรักษ์ หวังสวัสดิ์ และชายไทยไม่ทราบชื่อ ผู้ต้องหาลักลอบใช้เรือประมงตะแกรงคราดหอยแคลง ที่บริเวณปลายแหลมซุย ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ขณะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวด้วยการลากจูงเรือประมงที่ทำผิดกฎหมายพร้อมผู้ต้องหากลับเข้าฝั่งเพื่อส่งตัวไปดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ แต่ปรากฏว่าแกนนำทั้ง 3 ล้อมเรือชาวบ้านหลายสิบลำมาล้อมเรือตรวจการณ์ของตำรวจน้ำ ก่อนอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนตัดเชือกผูกตะแกรงคราดสัตว์น้ำผิดกฎหมาย แล้วตักสัตว์น้ำซึ่งเป็นของกลางทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นอกจากนี้ยังบังคับให้ นายนรินทร์ พรหมควร ประมงอำเภอไชยา นั่งตากแดดอยู่เรือนานถึง 5 ชั่วโมง โดยไม่ให้ดื่มน้ำ เพื่อต่อรองให้ประมงจังหวัดเข้าพบ พร้อมยื่นข้อเสนอไม่ให้ดำเนินคดี นอกจากนี้ยังทำร้ายร่างกาย นายนรินทร์ ก่อนตัดเชือกชักจูงแล้วนำเรือประมงของกลางกลับไปด้วย