ศาลจังหลัดพล พิพากษาสั่งกักขัง "หมอเปรม" พร้อมพวก 2 เดือน เช่นถอดกางเกง "นักข่าวอาวุโส"
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. จากกรณีผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักใน จ.ขอนแก่น ติดตามทำข่าวกรณีมีการเผยแพร่ภาพ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นั่งคู่กับหญิงสาวชั้น ม.5 คล้ายพิธีมงคลสมรสของชาวภาคอีสาน ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ผู้สื่อข่าวทั้งหมดจึงขอพบและสัมภาษณ์ นพ.เปรมศักดิ์ ภายในที่ทำการสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ สร้างความไม่พอใจให้กับ นพ.เปรมศักดิ์ เป็นอย่างมาก ก่อนที่จะให้ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักเข้าไปในห้องทำงานนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปกลับถูก นพ.เปรมศักดิ์ สั่งเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ เก็บโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายภาพ พร้อมล็อกตัวนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส 1 ใน 5 ผู้สื่อข่าวแล้วแก้ผ้าประจาน เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2559 จากนั้นผู้สื่อข่าว จึงเข้าแจ้งความเอาผิด นพ.เปรมศักดิ์ พร้อมพวก ก่อนที่ศาลอุทธรณ์ จะพิพากษาสั่งจำคุกคนละ 2 เดือน นพ.เปรมศักดิ์ และพวก จึงขอต่อสู้ในชั้นฏีกา
ล่าสุดวันนี้ ศาลจังหวัดพล นัดฟังคำพิพากษาในคดีข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญ และกระทำอนาจาร โดย นพ.เปรมศักดิ์ จำเลยที่ 1 และร้อยตรีบัวทอง โลขันธ์ จำเลยที่ 2 เดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาโดยเปลี่ยนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จากจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นกักขังคนละ 2 เดือน เหตุเพราะจำเลยสำนึกผิด และนำเงิน 1 แสนบาทมาวางต่อหน้าศาลเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย อีกทั้งจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน หลังฟังคำตัดสิน ทนายความของ นพ.เปรมศักดิ์ และ ร.ต.บัวทอง ได้ดำเนินการร้องขอสถานที่กักขัง ซึ่งแตกต่างจากการจำคุก คือ ไม่ต้องเข้าเรือนจำ หรือแดนขัง
ด้าน นายปกาญ นพศรี ทนายความฝ่ายโจทย์ เปิดเผยว่า ต้องเคารพคำพิพากษาของศาล จะก้าวล่วงไม่ได้ ขณะนี้ทางทนายฝั่งผู้ต้องหากำลังยื่นคำร้องเรื่องสถานที่กักขัง ส่วนการเปลี่ยนโทษจากจำคุกเป็นกักขังนั้น ศาลมองว่าจำเลยมีการเยียวยาโดยการวางเงินชดใช้ค่าเสียหาย ถือว่าจำเลยมีความสำนึกจึงได้ลดโทษให้จากจำคุกเป็นกักขัง สำหรับสถานที่กักขังของประเทศไทย ขณะยังไม่มี แต่จะมีกรรมวิธีกักขัง คือ จะกักขังที่บ้านโดยใช้กำไล EM หรือกำไลติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนให้ไปกักตัวในสถานที่กำหนด