“อนุทิน” ชี้ “ภูเก็ตโมเดล” มีเสียงต่อต้าน ไม่รู้เป็นคนภูเก็ตหรือไม่ ยันรัฐบาลพร้อมสนับสนุน
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัดพื้นที่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ภูเก็ตโมเดล” ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังไม่รับพิจารณาแผนดังกล่าว ว่า วันนี้พูดได้อย่างเดียวว่ารัฐบาล พร้อมให้การสนับสนุนและพร้อมผ่อนคลายมาตรการต่างๆให้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนสามารถสร้างรายได้และมีการจ้างงาน รัฐบาลพร้อมผลักดันแต่ผู้ที่ เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยกันด้วย เพราะเมื่อรัฐบาลพร้อมจะทำให้แต่ก็ยังมีเสียงกลับเข้ามาว่าไม่ได้เดี๋ยวจะมีการติดเชื้อ เดี๋ยวจะนั่นนี่โน่น อันนั้นผู้ประกอบการต่างๆควรทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้อง วันนี้ในนามของกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมที่จะบริการดูแลรักษา หากโชคไม่ดีมีการติดเชื้อจริงๆเพราะวันนี้เราไม่เหมือนช่วงที่มีการระบาดของโรคใหม่ๆ กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อม ทั้งสถานพยาบาล บุคลากร เวชภัณฑ์ต่างๆมีครบ ที่สำคัญเราพูดมาหลายครั้งแล้วว่าเราจะกลัวโควิด จนไม่ทำอะไรเลย ไปตั้งเป้าว่าจะมีการติดเชื้อเป็น 0 ภายในประเทศ ซึ่งถ้าเป็นช่วงที่เรายังไม่รู้จักเชื้อดังกล่าวก็พอเข้าใจได้ แต่วันนี้เข้าสู่เดือนที่ 9 แล้ว เราต้องสู้กับมันและต้องอยู่กับมันให้ได้ ยืนยันว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีความพร้อมที่จะสู้กับโควิด ถ้าคนไทยพร้อมจะสู้ก็อย่าไปกลัวมัน
เมื่อถามว่า แสดงว่ายืนยันว่าในวันที่ 15 ต.ค.นี้ จะเริ่มแผนดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมผ่อน คลายมาตรการ แต่วันนี้มีเสียงต่อต้านออกมาซึ่งไม่ทราบว่าผู้ที่ต่อต้านเป็นคนภูเก็ตหรือไม่ ดังนั้น คนภูเก็ตด้วยกัน จะต้องออกมาสนับสนุนและยืนยัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะที่ภูเก็ตเท่านั้นจังหวัดใดที่มีความพร้อม รัฐบาลเองก็พร้อมที่จะเข้าไปดูแลและให้การสนับสนุน จะเปิดหรือปิดอย่าลืมว่าจะต้องถามกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก ถ้ากระทรวงสาธารณสุขยืนยัน เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องรองวันนี้กระทรวงสาธารณสุขยืนยัน
เมื่อถามว่าแล้วจะยืนยันเริ่มโครงการได้เมื่อไหร่ นายอนุทินกล่าวว่า จริงๆ จะเริ่มแผนไปเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เขาไม่เอาเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเดินหน้าต่อก็ต้องนำมาตรการต่างๆกลับเข้าหารือในที่ประชุม ศบค. ทั้งนี้ในพื้นที่ก็จะต้องเสนอมาตรการเข้ามา และสิ่งที่เราทำไม่ได้หมายความว่าปล่อยให้คนเดินเพ่นพ่านไปทั่ว คือ ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามา แทนที่จะให้อยู่แต่เฉพาะในห้องพักและดีกันนำอาหารเข้าไปเสิร์ฟเหมือนอยู่ในสถานที่กักกัน เราจะใช้วิธีกำหนดพื้นที่เป็นโรงแรม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องอยู่ 14 วัน สามารถใช้บริการใช้สระว่ายน้ำชายหาดในอาณาบริเวณของโรงแรมที่กำหนด ส่วนตัวคิดว่าตรงนี้ถือว่าโอเคเพราะเรามีมาตรการคัดกรองโรคและป้องกันโรคอยู่แล้ว และเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้กับคนได้อีกด้วย