ผู้ลี้ภัย ชาวมุสลิมโรฮีนจาเกือบ 300 คน ที่อ้างว่าเรือไม้ที่ใช้เดินทาง ร่อนเร่กลางทะเลนาน 7 เดือน ได้รับการช่วยเหลือ นำขึ้นฝั่งเกาะสุมาตรา ทางภาคตะวันตกไกลของอินโดนีเซีย เมื่อเช้าตรู่วันจันทร์ (7 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยกลุ่มเอ้ฯจีโอในอินโดนีเซียเชื่อว่า ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ตกเป็นเหยื่อลักพาตัวของขบวนการลักลอบขนผู้อพยพข้ามชาติ
ชาวประมงท้องถิ่นในจังหวัดอาเจะห์ ทางเหนือของเกาะสุมาตรา พบเห็นเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา อยู่ในทะเล หลายกิโลเมตรนอกชายฝั่งเมืองล็อคซูมาเว จึงช่วยเหลือนำพาเข้าฝั่ง ที่ชายหาดอูจุงบลัง เมื่อเวลาประมาณหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ โดยในเรือมีชาวโรฮีนจา 297 คน รวมถึงผู้หญิง 181 คน และเด็ก 14 คน เจ้าหน้าที่สำนักงานกาชาดเมืองล็อคซูมาเว และสำนักงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในอินโดนีเซีย นำเข้าพักอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ก่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดอาเจะห์ เผยว่า ชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ออกเดินทางด้วยเรือประมง จากค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองค็อกซ์บาซาร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศ และเรือร่อนเร่กลางทะเลนับตั้งแต่นั้น จนกระทั่งชาวประมงท้องถิ่นอาเจะห์นำพาเข้าฝั่ง เมื่อเช้าวันจันทร์
ทางด้านนายคริส เลวา ผู้อำนวยการกลุ่มเอ็นจีโอ “โครงการอาระกัน”ในอินโดนีเซีย กล่าวว่า ชาวโรฮีนจากลุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของชาวโรฮีนจาประมาณ 745,000 คน ที่หลบหนีความรุนแรงในเมียนมาเข้าสู่บังกลาเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2560 และตกเป็นเหยื่อของขบวนการรับจ้างนำพาผู้อพยพ ลักลอบเข้าประเทศเพื่อนบ้าน ถูกควบคุมเป็นตัวประกันในทะเลนานหลายเดือน ขณะที่ขบวนการฯ พยายามรีดไถเงินจากญาติ
การเดินทางเข้าสู่อินโดนีเซียของชาวโรฮีนจาชุดใหม่ เมื่อวันจันทร์ มีขึ้นหลังจากเมื่อปลายเดือน มิ.ย. ชาวประมงท้องถิ่นอาเจะห์ ช่วยเหลือชาวโรฮีนจาในเรือกว่า 100 คนขึ้นฝั่ง ในจำนวนนี้มีผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย 79 คน.