"หมอแม่สอด" ผวาชายแดนสกัด "โควิด-19" สุดตึงเครียด เหตุ "ชาวเมียนมา" หนีอดตายแห่ลักลอบเข้าไทย
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "Nuttagarn Chuenchom" ซึ่งเป็นอายุรแพทย์โรคติดเชื้อที่โรงพยาบาลแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก โพสต์ข้อความระบายถึงความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนจังหวัดตากฝั่งตะวันตกที่ติดประเทศพม่า ว่า ชาแดนมีความยาวกว่า 600 กิโลเมตร จากทิศเหนือ อ.ท่าสองยาง จรดทิศใต้ที่ อ.อุ้มผาง มันยาวมากอย่างไม่น่าเชื่อ มีช่องผ่านถาวรอยู่ 1 ช่องตรงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ที่เหลือเป็นช่องผ่อนปรน มีชาวต่างชาติเข้า-ออกแบบชั่วคราวมาโดยตลอดมา ที่ผ่านมาพวกเราทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ พยายามขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน พร้อมมอบสิทธิพลเมือง ทั้งสิทธิการเข้าถึงบริการสุขภาพ การคัดกรองโรคระบาด ให้บริการป้องกันโรค เช่น ฉีดวัคซีน มีการผลักดันให้มีหน่วยงานสาธารณสุขชายแดนมากว่า 7 ปีแต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น พวกเราอดทนทำงานหนักเป็น 2-3 เท่า กว่าโรงพยาบาลปกติ เพราะเราต้องทำงานเพื่อคนต่างชาติด้วย
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายดังกล่าว ยังระบุอีกว่า คนไทยในพื้นที่ชายแดนประมาณ 3 แสนคน และมีคนต่างชาติ 3 แสนคน สัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง มีศูนย์อพยพ 3 ศูนย์ มีผู้อพยพอาศัยอยู่กว่า 2 แสนคน ใครไม่มาอยู่ก็คงไม่เข้าใจว่าปัญหาชายแดนไม่เคยจบ ช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเมียนมา ยิ่งทำให้เครียด ทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ ปกครอง สาธารณสุข พยายามอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นไม่ให้มีการข้ามแดน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอคนไข้ข้ามมาเมื่อใด เราอยากให้คนไทยปลอดภัย หลายคนบอกว่าปิดชายแดนไปเลยสิ บอกตรงๆ ว่าไม่สามารถปิดได้ เพราะช่องทางธรรมชาติมีมากเกินไป ข้ามง่ายเพียงการเดินไม่กี่ก้าว ลำพังกองกำลังที่มีไม่สามารถปูพรมทุกตารางพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมงได้ ขณะที่เรามีหน้าที่เป็นปราการป้องกันโรคแต่เราก็จะไม่ทำให้เกิดวิกฤตทางมนุษยธรรม บางครั้งมีคนไข้อาการปางตายด้วยโรคอื่นหลุดข้ามมา เช่น หญิงตั้งครรภ์คลอดลูกติด เราก็รับ เพราะมันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ต้องมีแนวทางคัดกรอง และแยกกักกันโรคอย่างดีที่สุด
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายดังกล่าวยังระบุเพิ่มเติมว่า ตอนนี้มีนโยบายจะนำแรงงานต่างชาติผ่านชายแดนเข้ามาอีก โดยไม่มีท่าทีว่าจะชะลอ จึงไม่แน่ใจว่าจะป้องกันโรคได้ดีดังเดิมหรือไม่ และตอนนี้อุปกรณ์ที่เรามีไว้ใส่ป้องกันก็ร่อยหรอลง เราหมดงบประมาณไปกับการควบคุมการระบาดระลอกแรก ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลือ มีอยู่กลางดึกคืนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จับแรงงานต่างชาติได้ 10 คน ตรวจพบว่ามีไข้ 2 คน ต้องนำมาตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาล ฝ่ายสาธารณสุขก็ต้องคัดกรองจนมั่นใจว่าไม่มีโรค ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องกักกัน และดำเนินคดีตามกฏหมาย ถามแรงงานเหล่านั้นเขาบอกว่าที่เมียนมา แร้นแค้นมาก ไม่มีงานทำ ไม่มีบ้านอยู่ ก็เลยอยากมาหางานทำ เพราะก่อนหน้าเคยทำงานที่เมืองไทย พวกเขาไม่รู้ว่าเราเคร่งครัดเพราะนายหน้าบอกว่ามาง่ายๆ ไม่มีการจับกุม เขาก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารของเมืองไทย เขาลอยคอมาตามแม่น้ำเมย พอขึ้นฝั่งก็ถูกเจ้าหน้าที่จับ ตอนนี้ยังติดต่อนายหน้าไม่ได้เลย เงินก็จ่ายไปแล้วหมื่นห้า ถามว่าไม่กลัวถูกหลอกเหรอ เขาว่าก็ต้องเสี่ยงดู นี่ก็เงินก้อนสุดท้ายแล้ว ในเรื่องที่ผิดกฏหมายมันก็มีความน่าเอ็นดูซ่อนอยู่
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายเดิมระบุทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนความรู้สึกเบื่อเซ็งว่าทำไมถึงสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองไม่ได้ 100% มาเป็นทำอย่างไรจึงจะจับกุมและคัดกรองโรคให้ได้เร็วที่สุดแทน เร็วคือรอด ตอนนี้ทางฝั่งเมียนมา มีด่านกั้นแต่ละจังหวัดละเอียดยิบ มีการ locked down ประชาชนในบ้าน 24 ชั่วโมง นานกว่า 21 วัน นับว่าโหดมากทีเดียว พวกเขาก็กลัวการระบาดในพื้นที่ของตนเองเหมือนกัน ทำให้เราได้อานิสงค์ไปด้วย อย่างน้อยก็คาดว่าเชื้อโรคจะไม่ลุกลามมาประเทศเราเร็วเกินกว่าที่เราจะตามมันทัน ยังพอมีเวลาเตรียมการณ์ สัญญาว่าเราจะเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ป้องกันชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตะวันตกอย่างดีที่สุด เพื่อป้องกันประเทศจากเชื้อโรคร้ายนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาหนักหนาต้องต่อสู้มากมาย แม้ว่างานจะเหนื่อยหนักและเสี่ยงภัยขนาดไหน แม้ว่าจะหมดแรงใจหลายครั้ง พวกเราก็ยังสู้อยู่ตรงนี้ แม้จะไม่รู้ปลายทางก็ตาม เรารับรู้ว่าคนไทยก็สู้ไปกับเรา และพร้อมจะเป็นลมใต้ปีก หากใครพอมีอุปกรณ์เหลือใช้ ไม่ว่าจะเป็นชุด PPE เสื้อกาวน์กันน้ำ ชุดกันฝน ถุงมือ แมส N95 แมสธรรมดา กระจังหน้า น้ำยาทำความสะอาด อยากส่งมาช่วยพวกเรารบที่ชายแดน พวกเรายินดีน้อมรับและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ