รมว.แรงงานดันจ้างงานเด็กจบใหม่ 260,000 อัตรา

2020-09-04 19:20:02

รมว.แรงงานดันจ้างงานเด็กจบใหม่ 260,000 อัตรา

Advertisement

รมว.แรงงานเดินหน้าแก้ปัญหาว่างงานเด็กจบใหม่ ปี 2562-2563 ดันจ้างงาน 260,000 อัตรา ในรูปแบบรัฐบาลช่วยเอกชน อุดหนุนค่าจ้างให้กับลูกจ้างไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นายสุชาติ ชมกลิ่น  รมว.แรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ตระหนักถึงปัญหาการว่างงานของเด็กจบใหม่ ซึ่งเป็นกำลังแรงงานหลักของประเทศ เร่งขับเคลื่อนภารกิจแก้ปัญหาว่างงาน ดันให้เข้าสู่ระบบการจ้างงานทันทีที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มาตรการแรก ดันจ้างงานเด็กจบใหม่ ปี 2562-2563 จำนวน 260,000 อัตรา ในรูปแบบ รัฐบาลช่วยเอกชน โดยการอุดหนุนค่าจ้างให้กับลูกจ้างไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้าง

“ทันทีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ได้เร่งแก้ปัญหาการว่างงานทันที โดยเฉพาะเรื่อง การว่างงานของผู้ที่สำเร็จการศึกษาใหม่ เนื่องจากหลายภาคส่วนกังวลว่าอาจจะเข้าสู่การว่างงานถาวร โดยไม่ได้นิ่งนอนใจ หามาตรการ และนโยบายเพื่อตอบโจทย์ปัญหาว่างงานเหล่านี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที โดยมาตรการแรก มีนโยบายเร่งด่วนคือจ้างงานผู้ที่สำเร็จการศึกษาใหม่ จำนวน 260,000 อัตรา ภายใต้รูปแบบ “ รัฐบาลครึ่งนึง นายจ้างครึ่งนึง โดยรัฐจะช่วยจ่ายเงินค่าจ้างให้ 50 เปอร์เซ็นต์  ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 7,500 บาท ต่อคน ต่อเดือน  มีเป้าหมายสำคัญคือ กลุ่มผู้ที่สำเร็จการศึกษาในปี 2562 - 2563 ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี และยังว่างงาน จำนวน 3 กลุ่ม 1.ระดับปริญญาตรี 2.ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และ3.ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2563 นี้ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติ ทุกช่วงวัย ” นายสุชาติ กล่าว 

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า ผลกระทบของโควิด-19 ทำให้นายจ้างมีปริมาณงานที่ลดลง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ดี รัฐบาลตระหนักว่า หากแรงงานในประเทศ ไม่มีงานทำย่อมส่งผลต่อการใช้จ่ายของคนในประเทศ และอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไป ถึงภาคส่วนอื่นๆ รัฐบาลจะเร่งหามาตรการและแนวทาง ที่ให้ผลดีที่สุดกับพี่น้องแรงงาน เพื่อส่งเสริมให้มีงานทำทั่วหน้า เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ประชาชนผู้ว่างงานได้กลับมามีงานทำและรายได้

ด้าน นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขณะนี้ กรมการจัดหางานมีตำแหน่งงานว่าง ประกอบด้วย ในต่างประเทศ ซึ่งแรงงานไทยเป็นที่ต้องการของตลาดงานต่างประเทศจำนวนมาก เพราะรัฐบาลไทยมีการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ได้ดี ซึ่งในปีงบประมาณ 2564 นี้ ตั้งเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 100,000 คน พร้อมขยายตลาดแรงงานไปยังกลุ่มประเทศที่น่าสนใจ เช่น ตะวันออกกลาง ได้แก่ คูเวต ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ยุโรป ได้แก่ โปรตุเกส ฮังการี สวีเดน ฟินแลนด์ อเมริกาเหนือ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และกลุ่มเอเชีย ได้แก่ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน เพื่อส่งคนไทยไปทำงานในอาชีพใหม่ๆ รวมทั้ง ตำแหน่งงานในประเทศทั่วประเทศทั้งในภาคเอกชนจากระบบ Smart Job ที่เป็นงานประจำ 43,025 อัตรา และงาน part-time 2,698 อัตรา รวมทั้งตำแหน่งงานว่างในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนด้านแรงงาน เศรษฐกิจและสังคม

นายสุชาติ กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมการจัดหางาน พบว่าตำแหน่งงานว่างทั่วประเทศที่นายจ้างต้องการมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.แรงงานในด้านการผลิตต่างๆ , แรงงานทั่วไป 2.แรงงานด้านการผลิต 3.ตัวแทนนายหน้าขายบริการธุรกิจอื่นๆ 4.พนักงานขายสินค้า(ประจำร้าน), พนักงานขายของหน้าร้าน 5.พนักงานจัดส่งสินค้าอื่นๆ 6.แรงงานด้านการประกอบอื่นๆ 7.เจ้าหน้าที่บันทึกสินค้าคงคลัง 8.เจ้าหน้าที่คลังสินค้าอื่นๆ 9.พนักงานขาย และผู้นำเสนอสินค้าอื่นๆ และ10.พนักงานขับรถยนต์ ขณะที่ ตำแหน่งงาน part-time โดยส่วนใหญ่ต้องการ เจ้าหน้าที่บันทึกสินค้าคงคลัง แรงงานด้านการผลิต พนักงานจัดส่งสินค้าอื่นๆ เจ้าหน้าที่เก็บเงิน,แคชเชียร์ และแรงงานด้านการประกอบอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ได้เร่งลงพื้นที่หาตำแหน่งงานใหม่ๆเพิ่มขึ้น แล้ว