นายกฯ ลั่น"ลูกแฝด"มีสิทธิ์ฟ้องหมิ่นปกป้องชื่อเสียง

2020-09-02 17:55:42

นายกฯ ลั่น"ลูกแฝด"มีสิทธิ์ฟ้องหมิ่นปกป้องชื่อเสียง

Advertisement

นายกฯ แจงชัด "ลูกสาวแฝด" มีสิทธิ์ส่งทนายแจ้งความฟ้องหมิ่น "คนโพสต์ใส่ร้าย" เพื่อปกป้องชื่อเสียงวงศ์ตระกูล

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวเพียงสั้นๆ ขณะลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุขโทัย ถึงกรณี น.ส.ธัญญา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวฝาแฝด มอบอำนาจให้ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงที่ สน.นางเลิ้ง ว่า ถือเป็นสิทธิ์ของเขาเพราะเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว จะปกป้องชื่อเสียงก็เป็นเรื่องของเขา

สำหรับคำชี้แจงของ นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และนางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ กรณีให้ทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนใส่ร้าย ระบุว่า จากข้อกล่าวหาใน Social Media #ตามหาลูกประยุทธ์ ที่เป็นกระแสสังคมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ประสงค์ดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือสื่อใดๆ ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ข้าพเจ้าทั้งสอง เช่น การกล่าวหาว่า ข้าพเจ้าทั้งสองเปลี่ยนนามสกุล, อาศัยอย่างสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์ต่างประเทศ, เป็นเส้นทางฟอกเงินของบิดาและอื่นๆ โดยปราศจากหลักฐานและไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวข้าพเจ้าทั้งสองและวงศ์ตระกูล ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง




ข้าพเจ้าทั้งสองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการงานของบิดา ไม่เคยแสดงความคิดเห็นใดๆ ทางการเมือง วันนี้ข้าพเจ้าทั้งสองจำเป็นต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี สิทธิของตนเองและวงศ์ตระกูล ข้าพเจ้าทั้งสองขอเรียนชี้แจงในประเด็นข้อกล่าวหาต่างๆ ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ดังนี้ ข้อ 1 กล่าวหาว่า : มีการเปลี่ยนมาใช้นามสกุลมารดา เพื่อทำเรื่องผิดกฎหมายต่างๆ เช่น ฟอกเงิน ขอวีซ่าเพื่อหนีไปอยู่ต่างประเทศ ฯลฯ ข้อเท็จจริง : ไม่เคยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใดๆ ยังคงใช้ชื่อ ธัญญา จันทร์โอชา และ นิฏฐา จันทร์โอชา ตั้งแต่กำเนิดจนถึงปัจจุบัน ข้อ 2 กล่าวหาว่า : ไม่ได้อยู่ประเทศไทย ข้อเท็จจริง : อยู่ประเทศไทยมาโดยตลอด ใช้ชีวิตปกติอย่างประชาชนคนไทยทั่วไป ข้อ 3 กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย ข้อเท็จจริง : ไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย เคยเดินทางไปท่องเที่ยวเพียงครั้งเดียว เมื่อวัยเด็ก ข้อ 4 กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ต่างประเทศ ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสอง เรียนจบชั้นประถมและมัธยม จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเรียนจบปริญญาตรี จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เท่านั้น

ข้อ 5 กล่าวหาว่า : สอบตกปริญญาโท อธิการบดีถูกกดดันให้รับเข้าเรียน ข้อเท็จจริง : ไม่ได้เรียนปริญญาโท และไม่เคยสอบตก เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 และเรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 ทั้งคู่ ข้อ 6 กล่าวหาว่า : ปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีเจ้าสัวซื้อให้ ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตตามปกติในประเทศไทย ไม่เคยพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นใดเป็นระยะเวลานาน ไม่เคยพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใดๆ ข้าพเจ้าทั้งสองได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดในปี พ.ศ.2558 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยเข้าพักโรงแรมตามปกติ ในการนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองได้มอบหลักฐานการเดินทางเข้าออกประเทศไทยให้กับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว




ข้อ 7 กล่าวหาว่า : มีการซุกเงิน ฟอกเงิน โดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกที่ต่างประเทศ ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ มีเพียงบัญชีธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น ข้อ 8 กล่าวหาว่า : บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงิน ข้อเท็จจริง : บิดาโอนเงินให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.อย่างเปิดเผย ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2557 และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้ว โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พันเอกประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี


ข้อ 9 กล่าวหาว่า : ทำไมไม่เคยมีภาพหลุดออกมาใน Social Media ใดๆ เลย แม้กระทั่งของเพื่อนยังไม่มีภาพ ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีส่วนตัวใน Social Media ใดๆ และกลุ่มเพื่อนที่ติดต่อกันก็เข้าใจในสิทธิความเป็นส่วนตัวจึงไม่เคยแชร์ภาพใดๆ และไม่ต้องการให้มีบุคคลใดนำภาพไปแอบอ้างใช้หาประโยชน์ ข้อ 10 กล่าวหาว่า : ไม่เปิดเผยตัวเหมือนลูกนักการเมือง หรือลูกนายกฯ คนอื่นๆ ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตปกติเหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป ไม่ได้ต้องการเป็นที่รู้จักหรือเปิดเผยตัวว่าเป็นลูกใคร เพราะไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของบิดา หากมีใครแอบอ้างว่ารู้จัก สามารถช่วยเหลือเพื่อรับผลประโยชน์ต่างๆ ได้ เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด

ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ต้องการใช้สิทธิ์ทางกฎหมายโดยการฟ้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ทั้งหมด ทั้งผู้ที่โพสต์และแชร์ในทุกช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, YouTube ฯลฯ รวมถึงสื่อ หรือพื้นที่สาธารณะอื่นๆ โดยไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าทั้งสองประสงค์ให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างและบรรทัดฐานของการใช้ Social Media ในประเทศไทยว่า ผู้ใดก็ตาม ไม่มีสิทธิ์เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ผู้อื่น โดยปราศจากหลักฐาน และในขณะเดียวกันก็ไม่ควรมีผู้ใดตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองจากการหลงเชื่อข้อมูลโดยขาดการไตร่ตรอง คิดวิเคราะห์แยกแยะ เพียงเพราะความอคติ และความเกลียดชัง อีกต่อไป หากผู้ใดมีหลักฐานการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทั้งสองเพิ่มเติม ขอความร่วมมือส่งข้อมูลมาที่ทนายความของข้าพเจ้าทั้งสอง ทางอีเมล mailto:law.one555@gmail.com เพื่อรวบรวมและดำเนินการฟ้องร้องต่อไป นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา 2 กันยายน 2563 #ความจริงลูกประยุทธ์