ผอ.กองประกวดนางสาวสมิหลา ยืนกรานตัดสินถูกต้อง

2020-09-01 19:20:03

ผอ.กองประกวดนางสาวสมิหลา ยืนกรานตัดสินถูกต้อง

Advertisement

"ผอ.กองประกวด" ยันตัดสินตามหลักสากลแต่ "ผู้ประกวดนางสาวสมิหลา" เข้าใจผิด สุดท้ายจบที่แบ่งเงินรางวัลหาร 10  

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. จากกรณีเกิดเหตุความวุ่นวายในการประกวดนางงาม "นางสาวสมิหลา 2020" เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการประกวดรอบสุดท้ายเพื่อเฟ้นหาสาวงามครองตำแหน่ง "นางสาวสมิหลาประจำปี 2563" และเป็นหนึ่งไฮไลต์ในงานเทศกาลอาหารสองทะเล ที่จัดขึ้นที่บริเวณสระบัวแหลมสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา โดยเป็นงานประจำปีของ จ.สงขลา แต่ปรากฏว่าปีนี้เวทีต้องล่มเนื่องจากในรอบ 10 คนสุดท้าย หลังมีสาวงาม 5 คนที่ตกรอบขึ้นมาประท้วงกรรมการบนเวที เพราะมองว่าตัดสินไม่ยุติธรรม ค้านสายตา และมีการล๊อคมงกุฎเอาไว้แล้ว จนกลายเป็นความวุ่นวาย สุดท้ายต้องยุติการประกวดโดยไม่มีใครครองตำแหน่งนางสาวสมิหลาในปีนี้ ส่วนเงินรางวัลถูกนำไปหาร 10






เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นายแพทย์ปวริศ หะยีอามะ ผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวสมิหลา ซึ่งชี้แจงให้ฟังว่า เกณฑ์การตัดสินนางสาวสมิหลาปีนี้ ทางทีมงานได้ยกระดับเวทีสู่สากล โดยมีสโลแกน นางสาวสมิหลา ต้องสวยพร้อมใช้ มีสมองยุคาใหม่ 5 จี สวยมีออร่า และหน้าตาสดใส รวมทั้งต้องสวยอย่างมีทัศนคดีที่ดี มีความสามารถรอบด้าน และต้องมีความเป็นอัตลักษณ์ของ จ.สงขลา พร้อมยืนยันว่าทั้งตนและกรรมการทุกคนเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้าประกวดคนใด ส่วนเรื่องปัญหาคะแนนที่หลุดออกไปนั้นไม่ใช่ใบจริง เพราะใบคะแนนจริง คือ สัดส่วนความสวย 60 เปอร์เซ็นต์ และการตอบคำถามกับทัศนคติอีก 40 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังต้องประชุมสรุปผลโหวตกันอีกครั้ง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเสียใจมาก ตนจึงขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการประกวดนางสาวสมิหลา เพราะก่อนหน้านี้ถูกเชิญให้มาผู้อำนวยการกองประกวด เพื่อที่จะให้เป็นเวทีนางงามที่ก้าวเข้าสู่สากล







ด้าน นายมณฑล ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนางงามที่มีปัญหา บอกว่า การประกวดนางสาวสมิหลา ถือเป็นเวทีใหญ่ของภาคใต้ โดยตนส่งนางงามเข้าประกวดมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีเพราะเป็นสัญญาใจ แต่ที่เป็นปัญหา คือ เรื่องของคะแนนที่หลุดออกมา เพราะคนที่คะแนนต่ำกลับเข้ารอบ ส่วนคนที่คะแนนสูงกลับตกรอบ ทีแรกคณะกรรมการจะประกวดใหม่ในอีก 2 วัน แต่ดูแล้วพวกตนคงไม่ชนะเพราะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก จึงขอจบด้วยการแบ่งเงินรางวัลเท่าๆ กันเพื่อความยุติธรรม




ขณะที่ น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประกวดที่ขึ้นไปถือไมค์พูดกับกรรมการ เปิดเผยว่า จากประสบการประกวดนางงาม ตนรู้แพ้รู้ชนะมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้คะแนนสูง เนื่องจากตนตอบคำถามดี และเดินดีทุกอย่าง แต่กลับตกรอบ จึงคิดว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่เพื่อนนางงามอีก 2 คนซึ่งอยู่ในทีมเดียวกัน บอกว่า รู้สึกเสียใจกับการตัดสินในครั้งนี้ แต่เรื่องนี้จบลงแล้ว เนื่องจากทางคณะกรรมการแก้ปัญหาให้แบ่งเงินรางวัลเท่าๆ กันทั้ง 10 คน ซึ่งถือว่าเป็นธรรมกับผู้เข้าประกวดทุกคน