น้ำท่วมซัดเอเชียใต้ พลัดถิ่นหลายล้าน ขณะพิษโควิด-19 ยังมิคลาย

2020-09-01 13:45:29

น้ำท่วมซัดเอเชียใต้ พลัดถิ่นหลายล้าน ขณะพิษโควิด-19 ยังมิคลาย

Advertisement

ฮ่องกง, 31 ส.ค. (ซินหัว) — น้ำท่วมอันอุบัติจากฝนตกหนักยังคงสร้างความหายนะอย่างต่อเนื่องในเอเชียใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤติหนักจากการระบาดของโควิด -19

นับตั้งแต่ฤดูมรสุมเริ่มขึ้น ปากีสถาน อินเดีย บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน และเนปาล ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาประเทศที่ได้รับผลกระทบในภูมิภาคแห่งนี้ อันเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1 ใน 4 ของโลก ไม่เพียงเท่านั้น มรสุมยังเพิ่มความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก ท้องร่วง และการติดไวรัสโคโรนาด้วย

ฤดูมรสุมของเอเชียใต้ ส่งผลกระทบต่ออนุทวีปอินเดียช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนของทุกปี มักก่อให้เกิดพายุไซโคลนและอุทกภัยร้ายแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและทำให้ผู้คนหลายล้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบต่ำต้องพลัดพรากจากบ้าน




ทั้งนี้ บรรดานักวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝนตกชุกบ่อยขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว


ชาวอัฟกันตกหลุมร้ายถึง 3 หลุม



อุทกภัยได้เพิ่มระดับความทุกข์ยากของอัฟกานิสถาน จากที่เผชิญภัยสงครามและการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

สำนักงานกระทรวงการจัดการภัยพิบัติและกิจการด้านมนุษยธรรมของอัฟกานิสถานระบุว่า เมื่อนับถึงวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) เหตุน้ำท่วมร้ายแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 122 ราย ผู้บาดเจ็บ 147 รายและผู้สูญหายอีกหลายรายใน 12 จังหวัดทางตะวันออกของประเทศนี้

น้ำท่วมครั้งร้ายแรงยังทำลายบ้านเรือน 1,500 หลัง ร้านค้า 23 แห่งและพื้นที่การเกษตรมากกว่า 1,100 เฮกตาร์ (ราว 6,875 ไร่) และทำให้สัตว์เลี้ยงในฟาร์มสูญหายถึง 600 ตัว

เหตุโจมตีด้วยระเบิดและความรุนแรงยังคงพบเห็นอยู่เนืองๆ ในประเทศที่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข



นาอีม นาซารี รองหัวหน้าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอิสระของอัฟกานิสถานรายงานว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี พลเรือนมากกว่า 1,200 คนเสียชีวิตและอีกกว่า 1,700 คนได้รับบาดเจ็บ

เมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ประเทศที่ผุพังด้วยสงครามมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ยืนยันผลรายใหม่ 22 ราย หลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการทดสอบผู้คน 247 รายตั้งแต่ช่วงเช้าวันเสาร์ ส่งผลให้ตัวเลขสะสมผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 38,165 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 1,402 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคร้ายนี้ในเดือนกุมภาพันธ์


รุกหนักทั้งอุทกภัยและโรคร้าย

ฤดูมรสุมกำลังกระหน่ำปากีสถานและอินเดีย ขณะที่ทางการพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และโรคติดต่ออื่นๆ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 70,000 คนจากทั้งสองประเทศ




มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 รายจากน้ำท่วมและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับฝน ในรัฐโอดิชาทางตะวันออกของอินเดีย เจ้าหน้าที่กล่าวเมื่อวันเสาร์ (29 ส.ค.) โดยสถานีวิทยุแห่งชาติอินเดีย (AIR) รายงานว่า เดือนสิงหาคมปีนี้มีปริมาณฝนตกมากที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษที่ผ่านมา

ข้อมูลของฝ่ายจัดการภัยพิบัติของรัฐพิหาร (BDMD) ระบุว่าเหตุน้ำท่วมต่อเนื่องได้บุกพื้นที่ 16 เขตทั่วรัฐ ส่งผลกระทบต่อประชากร 8,362,451 คน

ขณะที่ปากีสถานมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 163 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 101 ราย ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากภัยพิบัติฤดูมรสุม

หน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (NDMA) รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ว่าจังหวัดสินธุใต้เป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิต 61 รายและผู้ได้รับบาดเจ็บ 22 ราย

การาจี เมืองเอกของจังหวัดสินธุได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากฝนมรสุมครั้งนี้ น้ำท่วมทำให้ชีวิตผู้คนในเมืองหยุดชะงัก




สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ร้อยละ 90 ของกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในเมืองล้วนติดขัดหลังจากฝนห่าใหญ่ซัดโจมตีเมืองเมื่อหลายวันก่อนและยังคงดำเนินต่อไป

ไซเอ็ด มุราด อาลี ชาห์ หัวหน้ารัฐมนตรีจังหวัดสินธุ กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ว่า (28 ส.ค.) การาจีบันทึกปริมาณน้ำฝนได้ถึง 604 มิลลิเมตรช่วงเดือนสิงหาคม ทำลายสถิติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของหลายปีที่ผ่านมา

“แอ่งน้ำนิ่งจำนวนมากได้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่เหมาะเหม็งสำหรับยุง สร้างความเสี่ยงสูงต่อโรคต่างๆ เช่น ไข้เลือดออกและมาลาเรีย” อบิเชค ริมาล ผู้ประสานงานด้านสุขภาพฉุกเฉินระดับภูมิภาคของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ในเอเชียแปซิฟิกกล่าว

กรมอุตุนิยมวิทยาของปากีสถานคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักมากขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศในวันจันทร์นี้ (31 ส.ค.) และได้ออกคำเตือนว่าจะเกิดน้ำท่วมตัวเมืองในบางเมืองรวมถึงการาจี

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 78,761 รายและผู้เสียชีวิตรายใหม่ 948 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมในประเทศแตะ 295,636 รายและยอดผู้เสียชีวิตรวมแตะ 6,288 ราย

ด้านรัฐบาลปากีสถานเปิดเผยจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 295,636 รายและผู้เสียชีวิตรวม 6,288 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากการระบาดในเนปาลเพิ่มขึ้น 2 เท่าในเวลาเพียง 2 สัปดาห์เมื่อวันเสาร์ (29 ส.ค.)


ระดับน้ำในบังกลาเทศลดลง

บังกลาเทศกำลังเผชิญวิกฤตเช่นเดียวกัน โดยกองอำนวยการบริการสุขภาพ (DGHS) รายงานพบผู้ติดโรคโควิด-19 รายใหม่ 1,897 รายและผู้เสียชีวิตรายใหม่ 42 รายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ดันยอดรวมผู้ติดเชื้อแตะที่ 310,822 ราย และยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ 4,248 ราย

อุทกภัยในบังกลาเทศอันเกิดจากน้ำท่วมรุนแรง 3 ระลอก เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางดีขึ้น หลังจุดสังเกตการณ์ส่วนใหญ่จากทั้งหมด 101 จุดในเขตลุ่มน้ำหลัก 4 แห่งมีระดับน้ำลดลง

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพและการควบคุมรายงานว่าน้ำท่วมได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 226 รายในอำเภอ 33 แห่ง (จากทั้งหมด 64 แห่ง) นับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ขณะพืชผลที่สูญเสียไปในเหตุการณ์นี้ประเมินค่าได้ถึง 1.32 หมื่นล้านตากา (ประมาณ 4.86 พันล้านบาท)

ทั้งนี้ อับดูร์ ราซซาเก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของบังกลาเทศให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีพืชผลในเขต 37 แห่งบนพื้นที่ 158,000 เฮกตาร์ (ราว 987,500 ไร่) ที่ถูกทำลาย