กกต.มีมติส่ง "ศาล รธน." ตีความสถานะความเป็น ส.ส.ของ "เทพไท" หลังมีพิพากษาสั่งจำคุกฐานทุจริตเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 31ส.ค. จากกรณีศาล จ.นครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค. สั่งจำคุก นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ 2 ปีโดยไม่รอการลงโทษ และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี สืบเนื่องจากทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 ล่าสุด มีรายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ว่า ที่ประชุม กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 4 ว่าคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งดังกล่าวแม้ยังไม่เป็นที่สุด จะมีผลให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ นายเทพไท สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบ มาตรา 98 (4)และมาตรา 96(2) หรือไม่
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งถึงการสิ้นสมาชิกภาพของ ส.ส. โดยระบุว่า สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของสภาผู้แทนราษฎร และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 10 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา 2554 แต่ไม่มีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องสมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ โดยกรณีของนายเทพไท สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เห็นว่า หาก กกต.มีเหตุสงสัยว่าสมาชิกภาพของนายเทพไทย สิ้นสุดลงหรือไม่ ก็สามารถใช้อำนาจส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามมาตรา 82 วรรค 4 ของรัฐธรรมนูญ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนกรณีเป็นลักษณะต้องห้ามของ ส.ส.ว่า บุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ ห้ามไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง แต่เมื่อเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือมาที่ กกต. ทาง กกต.จึงเห็นว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องข้อถกเถียงของสังคม จึงมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่า นายเทพไท สิ้นสถานภาพความเป็น ส.ส. หลังมีคำพิพากษาของศาลหรือไม่