“พิธา” ประกาศจุดยืน “ก้าวไกล” ปิดสวิตช์ ส.ว.

2020-08-30 15:20:51

“พิธา” ประกาศจุดยืน “ก้าวไกล” ปิดสวิตช์ ส.ว.

Advertisement

“พิธา” ประกาศจุดยืน “ก้าวไกล” ปิดสวิตช์ ส.ว.  ย้ำต้องไม่ล็อกห้าม ส.ส.ร. แก้หมวดใด 

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ลานกลางเมือง จ.พิษณุโลก ส.ส.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล  และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกพรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีกิจกรรม “ก้าวไกลไปด้วยกัน” พร้อมเปิดรับสมาชิกพรรคก้าวไกลประจำ จ.พิษณุโลก และตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะมีการส่งรายชื่อทั้งหมดไปรวมกับรายชื่อของกลุ่ม iLaw ที่กำลังล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่ออยู่ในขณะนี้

นายพิธา กล่าวเปิดว่าพรรคก้าวไกลวันนี้คือบทที่สองของพรรคอนาคตใหม่ แม้วันนี้จะมี ส.ส.เพียง 54 คน แต่คุณภาพไม่ลดลงไป เรายังคงเชื่อในเรื่องนิติรัฐ สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การกระจายอำนาจ ความหลากหลาย ระบบเศรษฐกิจเสรีที่ไม่มีการผูกขาด การพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ต้องทำลายสิ่งแวดล้อม รัฐสวัสดิการ อำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิในการกำหนดความเป็นอยู่และอนาคตของตัวเอง ในเรื่องนี้พวกเราพรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เราจะยังเป็นพรรคที่ขับเคลื่อนด้วยสมาชิก สร้างความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ไม่มีนายทุนมาลงขันเพื่อออกนโยบายเอื้อให้ทุนผูกขาด ไม่ใช่พรรคเพื่อให้ทหารและอภิสิทธิ์ชนบางกลุ่มบอกว่างบประมาณของประเทศควรจะเป็นอย่างไร เอาไปใช้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มก้อนของตัวเองอย่างไร ฝ่ายค้านวันนี้เราแตกต่างแต่เราไม่แตกแยก ทุกคนยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นวิกฤต มันคือระเบิดเวลาที่เราจะต้องไปถอดฟืนออกจากกองไฟ แต่เราพรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยไม่จำกัดว่า ส.ส.ร.จะแก้หรือไม่แก้อะไรได้บ้างคือสิ่งที่ควรจะเป็น เราจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แต่โดยจุดร่วมเรายังคงเห็นร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา รัฐธรรมนูญมีปัญหาที่บทเฉพาะกาล ในส่วนของอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 269, 270, 271, 272 ที่ให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.ยังคงอยู่ และยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง ดังนั้นมาตรา 272 จะต้องเป็นญัตติด่วนที่เราจะต้องเปิดอภิปรายให้ได้ก่อนปิดสมัยประชุมนี้ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้  สำหรับ ส.ส.ร. จะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ไม่จำกัดอาชีพและวุฒิการศึกษา นี่คือข้อเสนอของพรรคก้าวไกล เพราะเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ถกเถียงกัน สามารถไปเริ่มต้นกันที่ ส.ส.ร. โดยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนจริงๆ หลีกเลี่ยงความรุนแรง เอาความเห็นที่ไม่ตรงกันไปคุยกันที่นั่น แล้วหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มาจากประชาชนจริงๆจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายของประเทศไทย” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า นี่คือวิธีถอดฟืนออกจากกองไฟ สำหรับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ นี่คือหน้าที่ของผู้แทนราษฎรอย่างตน ไม่ใช่เรื่องของการเอามัน นี่ไม่ใช่เรื่องของวัยรุ่นใจร้อน แต่นี่คือเสียงของประชาชน นี่คือสาเหตุที่เราเสนอวิธีแบบนี้ เงื่อนไขเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราจะลดอุณหภูมิการเมืองลดลงได้ ให้ทุกคนมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและวุฒิภาวะ

นายพิธายังได้กล่าวถึงกรณีปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยระบุว่าเรากำลังจะเจอมหาวิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 150 ปี อยากย้ำอีกครั้งว่าวิกฤตที่ประเทศไทย สังคมไทย และเยาวชนไทยกำลังพบเจอ ยิ่งใหญ่กว่าวิสัยทัศน์แคบๆและใจแคบๆของผู้มีอำนาจในวันนี้ นักศึกษาที่จบใหม่ออกมากำลังจะไม่มีงานทำ ซ้ำเติมกับปัญหาที่กำลังจะมีคนตกงานอีก 8 ล้านคนทั่วประเทศ หนี้สินของประชาชนที่หวังพึ่งสินเชื่อของธนาคารที่ให้อย่างไม่เต็มใจนัก ทุกวันนี้เงินก้อนนั้นกำลังจะหมดลงภายใน 6 เดือน วิกฤติเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 150 ปีกำลังจะมาถึงเรา งบประมาณเรือดำน้ำ 2.2 หมื่นกว่าล้านสามารถช่วยเด็กในกลุ่มเปราะบางที่สุดในประเทศไทยที่ไม่มีเงินไปเรียนหนังสือได้ 6.7 แสนคน สามารถสร้างเขื่อนหรือบ่อน้ำขนาดกลาง-ขนาดเล็กได้เป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมในวันนี้ได้ พูดถึงปัญหาน้ำท่วม เมื่อวานนี้ตนลงไปดูไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัยมา ตนเชื่อมั่นอย่ายิ่งว่าด้วยงบประมาณ 2.2 หมื่นกว่าล้านบาทที่นำไปใช้ซื้อเรือดำน้ำ ถ้าให้ตนมาใช้วางระบบบริหารจัดการน้ำ ตนสามารถทำให้สุโขทัยน้ำไม่ท่วมอีกเลยได้ การบริหารจัดการน้ำในวันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบลุ่มน้ำ ถ้าตนเป็นผู้บริหาร ตนจะนำระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพกว่านี้มาใช้ มีเซนเซอร์ติดอยู่ที่แม่น้ำต้นน้ำทุกสาย พอระดับน้ำสูงเกินจำนวนที่กำหนดก็ส่งเอสเอ็มเอส แจ้งเตือนประชาชน เวลาจะเปิดหรือไม่เปิดประตูระบายน้ำ ต้องไม่อยู่ที่อำนาจของคนใดคนหนึ่งที่ใช้ดุลยพินิจโดยลำพัง ใช้กรรมการ 7 คน ประกอบด้วยประชาชน คนจากกระทรวง คนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัดสินใจร่วมกันเป็นคณะกรรมการ หรือจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เหมือนไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ที่มีการคำนวนอย่างแม่นยำมาใช้ ที่อื่นเขาใช้รูปแบบนี้กันหมดแล้วน้ำถึงไม่ท่วมเขามานานมากแล้ว

นายพิธาได้กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของเยาวชนที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในขณะนี้ ว่า จากการที่ตนได้สัมผัสพูดคุยกับเยาวชนมาหลายคน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือความรู้สึกว่าเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ฟังก็ต้องตะโกน แล้วพอเด็กตะโกนก็ไปหาว่าเขาก้าวร้าว ไปลดทอนสิ่งที่เขาพูด เรื่องนี้คนรุ่นเราผู้ใหญ่ทั้งหลายควรจะคิดให้ดี ว่าอนาคตของพวกเราอีกไม่นานก็หมดแล้ว แต่อนาคตของพวกเขายังต้องอยู่ในสังคมนี้ไปอีกนาน วันนี้การที่คุณไปบีบคออนาคตของเขาไว้ แล้วเด็กๆออกมาพูดแค่นี้ก็นับว่าปราณีผู้ใหญ่รุ่นเรามากแล้ว ที่เป็นต้นเหตุของความล้มเหลว พวกเขาเติบโตมากับการรัฐประหาร 2549 และการรัฐประหาร 2557 เขาต้องผ่านรัฐธรรมนูญมากี่ฉบับ เขาต้องเห็นการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ได้เห็นปรากฏการณ์งูเห่า นิติรัฐที่บิดเบี้ยว ระบบการเลือกตั้งที่ไม่ได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชน เขาพูดถึงพวกเราแค่นี้เราต้องขอบคุณพวกกเขาที่ยังปราณีผู้ใหญ่อย่างเราด้วยซ้ำ มันไม่มีอนาคตในประเทศ มันมีอนาคตสำหรับคนแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน ระบบเศรษฐกิจที่มีไว้เพื่อคนรวยอย่างเดียว ระบบกฎหมายที่ทุกคนไม่เสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย มันเป็นรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน ใครมีเงินมีเส้นสายเข้าใกล้อัยการเข้าใกล้ศาลได้ ไม่ว่าคดีจะเลวร้ายแค่ไหนคุณหลุดได้หมด แต่ถ้าเกิดคุณเป็นคนยากคนจนในประเทศไทย คุณแค่เก็บเห็ดคุณก็ไปแล้ว ทุกวันนี้คดีที่คนจนติดคุกมากที่สุดนอกจากคดียาเสพติดแล้ว ก็คือคดีทวงคืนผืนป่า คดีทวงคืนที่ดิน ต่อสู้เรื่องที่ดินกับกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ ที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ ที่สาธารณะของกระทรวงมหาดไทยฯ สิทธิมนุษยชนที่สำคัญที่สุดอย่างเรื่องที่ดินยังคงเป็นปัญหาที่คนจนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังเข้าไม่ถึง ที่ดิน 80 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในมือของคนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำขนาดนี้จะอยู่กันอย่างไรต่อไป ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำขนาดนี้จะอยู่กันอย่างไร ไม่ต้องไปโทษโควิดเลย ประเทศที่เหลื่อมล้ำมากที่สุดอย่างประเทศไทย ประเทศที่มีการรัฐประหารสำเร็จมากที่สุด ประเทศที่มีรัฐธรรมนูญเยอะที่สุดขนาดนี้ คุณเจอโควิดเข้าไปแล้วคุณจะเหลืออะไร  ประเทศมันล้มเหลวมาตั้งนานแล้ว” นายพิธา กล่าว 

นายพิธา กล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลยังเชื่อว่าการเมืองคือเรื่องของความเป็นไปได้ ตั้งแต่ทำการเมืองมาสองปี ตนได้ยินคำว่า เป็นไปไม่ได้ บ่อยที่สุด ตนได้ยินว่าการไม่มีหัวคะแนนและบ้านใหม่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะได้ ส.ส.เขตมา เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ ส.ส.มากกว่า 20 คน เป็นไปไม่ได้ ส.ส.ใหม่จะอภิปรายได้ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะขับเคลื่อนอะไร แก้ไขปัญหาบ้านเมืองในกรรมาธิการได้ พอยุบพรรคก็บอกว่าพอไม่มีธนาธร-ปิยบุตร เป็นไปไม่ได้ที่จะขับเคลื่อนไปต่อได้ แต่ทั้งหมดนี้เราพิสูจน์มาหมดแล้วว่า เป็นไปได้ พรรคเรายังมีดาวกระจายอีกหลายคนที่เมื่อรวมตัวกันเมื่อไหร่ ส่องสว่างไม่แพ้ดาวฤกษ์ของพรรคอนาคตใหม่แน่่นอน เป็นไปได้ที่ประชาชนที่อยู่ที่นี่ถือเทียนคนละเล่ม จะสว่างพอๆกับดาวฤกษ์ของพรรคอนาคตใหม่ที่เขาตัดสิทธิออกไปได้ เมื่อพรรคก้าวไกลกับสมาชิกที่อยู่ที่นี่รวมกันกับประชาชน แสงสว่างในความมืด ในยามที่ประเทศไทยมืดที่สุดยังสว่างขึ้นมาได

“พวกเราต้องเชื่อแบบนั้น นี่คือการเมืองแห่งความเป็นไปได้ นี่คือการเมืองแบบมีความหวัง ไม่ใช่การเมืองแบบมีความกลัว ตราบใดก็ตามที่ผมหันหลังไป แล้วยังเห็นพวกท่านอยู่ พวกผมไม่มีวันถอย พวกผมไม่มีวันยอมแพ้ เพราะตราบใดที่เราหันไปแล้วเรายังมีกันและกันอยู่ มีพวกผมไม่มีพวกท่านทำอะไรไม่ได้ นี่คือการต่อสู้ของพวกท่านทุกคนด้วย เพราะฉะนั้น มาวันนี้ มายืนยันว่าพรรคก้าวไกลคือบทที่สองของพรรคอนาคตใหม่ ยังเป็นพรรคที่ไม่ใช่พรรคชั่วคราวอย่างที่ใครพูดกัน นี่คือพรรคที่มีความตั้งใจที่จะเป็นสถาบันหลักของการเมืองไทยไปอีกตราบนานเท่านาน เท่าที่ประชาชนยังต้องการเราอยู่ ถ้าพวกท่านยังต้องการผมอยู่ พวกผมก็ยังจะยืนอยู่กับท่าน เป็นสถาบันหลักที่พาประเทศไทยออกจากวิกฤตินี้ ไปสู่อนาคตที่ก้าวไกลกว่า ที่ก้าวหน้ากว่า ที่ประเทศไทยเป็นของคนทุกคน ที่ระบบเศรษฐกิจทำงานให้กับคนทุกคน ไม่ใช่แค่นายทุนอย่างเดียว ที่ประชาชนอยู่เสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย แล้ววันนั้นจะเป็นวันที่เราปลี่ยนประเทศไทยและเปลี่ยนโลกนี้ด้วยกัน"นายพิธา กล่าว