เตือนภัยผู้ปกครอง ระวัง "ถ่านนาฬิกา" สุดอันตราย หลังเด็กวัยเพียง 3 ขวบยัดเข้ารูจมูก โชคดีหมอผ่าตัดช่วยไว้ได้ทัน
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความเตือนภัยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Arak Wongworachat" ว่า มารดาพบว่าลูกสาววัย 3 ขวบหายใจติดขัด นอนกรน มีน้ำมูกไหลคล้ายหนอง มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ไม่ค่อยร่าเริง งอแง เอามือขยี้จมูกบ่อยๆ คิดว่าเป็นหวัด จึงพามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสิชล ส่งพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก การตรวจเด็กค่อนข้างลำบาก ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่จากประสบการณ์จึงทราบได้ทันทีว่าน่าจะมีสิ่งแปลกปลอมในรูจมูก จึงส่งเอกซเรย์ส่วนศีรษะก่อนเป็นลำดับแรก พบว่ามีชิ้นส่วนโลหะอยู่ในรูจมูกด้านซ้าย จากนั้นจึงให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหาร แล้วให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด เตรียมเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ดมยาสลบ เมื่อใช้เครื่องมือส่องกล้องกำลังขยายสูงไปในรูจมูกด้านซ้าย
นพ.อารักษ์ ระบุอีกว่า ตามภาพที่ 1 หลังจากดูดหนองออกจนหมดจะพบว่ารูจมูกอุดตัน ไม่เห็นก้อนสิ่งแปลกปลอมใดๆ เพราะมีเนื้อเยื่อมาหุ้มปิดจนมิด ต้องใช้คีมแหวกผ่าตัดเปิดออก ตามภาพที่ 2 เมื่อผ่าตัดเอาก้อนแบตเตอรี่ออกมาแล้ว จะเห็นว่าเนื้อเยื่อจมูกเป็นสีดำคล้ำ เนื้อเยื่อจมูกเน่าตายรอบๆ ตัวแบตเตอรี่ เพราะแบตเตอรี่ปล่อยสารเคมีออกมากัดกร่อนเนื้อเยื่อ แพทย์จึงต้องผ่าตัดเอาเนื้อเน่าออกจนหมด โชคยังดีที่ไม่ทะลุไปถึงโพรงอากาศข้างจมูกจนทำให้ไซนัสอักเสบติดเชื้อตามมาได้ หลังผ่าตัดให้ยาฆ่าเชื้อเข้าทางเส้นเลือดอีก 5 วัน จึงสามารถเปลี่ยนเป็นยากินต่อไปได้จนหายเป็นปกติ ถ้าหลุดลงไปในหลอดลม ในคอ หรือหลอดอาหาร ยิ่งเสี่ยงต่อชีวิตและอันตรายมาก คาดว่าน่าจะติดค้างมาไม่น้อยกว่า 7 วัน ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครอง ศูนย์เด็กเล็กที่ดูแลเด็กวัยนี้ให้ระมัดระวังให้มาก สิ่งของชิ้นเล็กๆ เด็กอาจเอาเข้าปาก หรือจมูกได้โดยง่าย