"สาวชาวไร่"สุดมึน กยศ.ทวงหนี้ทั้งที่จ่ายหมดแล้ว

2020-08-26 14:20:13

"สาวชาวไร่"สุดมึน กยศ.ทวงหนี้ทั้งที่จ่ายหมดแล้ว

Advertisement

"สาวชาวไร่"สุดมึน กยศ.ทวงหนี้ทั้งที่จ่ายหมดแล้ว คาดทวงผิดคน เหตุใบแจ้งหนี้ระบุเป็นพนักงานบริษัท 

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. จากกรณี นางจิตตานันท์ สุริยะพงษ์ธร อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 28  บ้านโคกแง้ หมู่ 5 เจ้าของสวนเกษตรชาว ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้รับใบทวงหนี้จาก กยศ. จำนวน 34,500 บาท โดยยืนยันจ่ายครบปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2553 ก่อนเดินทางไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบให้ละเอียด ล่าสุด นางจิตตานันท์ ได้เดินทางเข้าพบ นายสุวิศิษฐ์ จำนงพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม อ.ยางตลาด เพื่อขอความเป็นธรรมและขอคำปรึกษา กรณีได้รับหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

โดย นางจิตตานันท์ กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือทวงหนี้จาก กยศ. ทำให้ตนและคนในครอบครัวรู้สึกเครียด เนื่องจากชำระและปิดบัญชีเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2553 โดยดำเนินการชำระเงินด้วยตนเองที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน จ.นครปฐม อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับหนังสือทวงหนี้ ตนพยายามโทรติดต่อกับทางธนาคารกรุงไทย และ กยศ.มาโดยตลอด แต่ไม่มีความคืบหน้า หรือมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติม นอกจากจะบอกให้ตนหาใบเสร็จเมื่อครั้งชำระปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.ไปยืนยัน แต่ตนไม่สามารถหาได้เพราะเวลาผ่านมานานถึง 10 ปีแล้ว






นางจิตตานันท์ กล่าวอีกว่า เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้เหมือนหมดสิ้นหนทางที่จะหาหลักฐานไปหักล้าง เพราะทางธนาคาร และ กยศ.ยืนยันว่าจากการตรวจข้อมูลพบประวัติโอนเงินชำระในปี 2553 เพียง 2 ครั้ง คือวันที่ 14 ก.ค.จำนวน 990 บาท และวันที่ 14 ต.ค.จำนวน 3,000 บาท โดยเป็นการโอนเงินเข้าเวลาประมาณ 24.00 น. ซึ่งตรงนี้ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีในเวลาดังกล่าว แล้วการชำระปิดบัญชีจำนวน 24,000 บาทนั้นหายไปไหน เมื่อต้นทางไม่สามารถตรวจเช็คได้ จึงเข้ามาขอคำปรึกษากับศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้ช่วยประสาน และขอให้ทางธนาคาร และ กยศ.ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง




ด้าน ปลัดอำเภอหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม กล่าวว่า จากการสอบถามความเป็นมากับนางจิตตานันท์ และประสานทางโทรศัพท์กับธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน และ กยศ. ได้ข้อมูลเดียวกันกับที่นางจิตตานันท์ ทราบมา โดยระบุหนี้คงเหลือ 34,500.09 บาท เป็นเงินค้างชำระ 20,030.43 บาท ดอกเบี้ย 1,929.27 บาท และเบี้ยปรับ 12,540.39 บาท หากนางจิตตานันท์ มั่นใจว่าชำระและปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.หมดแล้ว ก็ให้นำใบเสร็จไปยืนยัน เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ สิ่งที่จะคลี่คลายปัญหาได้ก็ คือ นางจิตตานันท์ ต้องไปค้นหาใบเสร็จให้พบ เพราะทางธนาคาร และ กยศ. ยืนยันมาว่าในระบบตรวจเช็คได้แค่นั้น จึงแนะนำให้นางจิตตานันท์ ใช้ความพยายามหาใบเสร็จให้พบ ขณะเดียวกันขอให้ทางธนาคารและ กยศ.ตรวจเช็คข้อมูลในระบบอีกครั้ง โดยอย่าเพิ่งเร่งรัดหนี้ค้างชำระ ซึ่งคิดว่าน่าจะจบลงด้วยดี




อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นางจิตตานันท์ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ กยศ.ถึงสาเหตุที่มีหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ด้วยวิธีการหักเงินเดือนนั้น เนื่องจากตรวจเช็คในระบบพบว่าปัจจุบันนางจิตตานันท์ เป็นพนักงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทาง กยศ.จึงส่งหนังสือแจ้งชำระหนี้ให้ทราบ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ระหว่าง กยศ.กับผู้กู้



หลังจากได้รับแจ้งทำให้นางจิตตานันท์ รู้สึกโล่งใจ และมั่นใจว่าข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน เนื่องจากตนทำการเกษตรอยู่ที่บ้านโคกแง้ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด และช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยทำงานหรือเป็นลูกจ้างบริษัทใดๆ ขึงอาจเป็นไปได้ว่าชื่อและนามสกุลของตนไปตรงกับคนอื่นจึงได้รับหนังสือทวงหนี้จาก กยศ. อย่างไรก็ตามก็คงต้องกราบวิงวอนขอให้ทาง กยศ.และธนาคาร ตรวจเช็คอย่างละเอียดให้มากขึ้น ซึ่งตนจะรอการตรวจสอบ และยังยืนยันว่าได้ชำระปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.ตั้งแต่ปี 2553 แล้ว