ทำเพราะใจรัก "เค้ก B5" จากนักร้องสู่เจ้าร้านขนมปังและหมอดู

2020-08-21 15:15:06

ทำเพราะใจรัก "เค้ก B5" จากนักร้องสู่เจ้าร้านขนมปังและหมอดู

Advertisement

ถ้าพูดถึงนักร้องเสียงนุ่มที่แฟนเพลงหลายคนยังคงคิดถึง "เค้ก B5" หรือ "อุทัย ปุญญมันต์"  ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน แต่หลังจากที่เว้นว่างจากวงการเพลงเพื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนั้น เจ้าตัวก็ได้วิชาทำเบเกอรี่กลับมาด้วย รายการต้มยำอมรินทร์เลยขอยกขนมปังแสนอร่อยมาชิมไปคุยไปด้วยซะเลยพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวของ นักร้องเสียงดี ที่ชีวิตพลิกไม่มีหยุด จากนักร้องผันตัวมาเปิดร้านขนม “Loaf Bakery & Cafe” และล่าสุด พลิกผันถึงขั้นขีดสุดกับการผันตัวมาเป็นหมอดู โดยนักร้องหนุ่มเสียงดีได้เผยว่า



ทำไมอยู่ดีๆถึงผันตัวมาทำขนม?

จริงๆจะเรียกว่าอยู่ดีๆก็ไม่ได้ครับ เพราะว่าทำมา 10 ปีแล้ว และก็ที่ชื่อเค้กเพราะว่าแม่ทำเบเกอรี่มาตั้งแต่เราเกิด มันอยู่ในสายเลือด และพอดีช่วง 10 ปีที่แล้วมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาที่ฝรั่งเศสครับ แล้วเราก็แอบเบื่อการเรียนภาษา ก็เลยไปขอเทคคอร์สอื่นๆด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเบเกอรี่ เราไปเรียนถึงโรงแรมริทซ์ ออริจินอลริทซ์เลยอะฮะในปารีส เราไปเจออัชเชอร์(นักร้องชื่อดัง)กำลังยืนอยู่ข้างทางหน้าโรงแรมริทซ์ เราก็เข้าไปเรียน



ตอนที่เค้กไปเรียน ร้านเปิดมาแล้วหรือยัง?

ยังครับ ตอนเด็กๆเนี่ยที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด แม่ก็เป็นคนแรกที่เอาเบเกอรี่มาขายให้กับคนพื้นบ้าน มันก็จะเป็นเบเกอรี่ประยุกต์ไทยๆนิดนึง ขนมปังไส้หมูหย็อง ไส้กรอก อะไรอย่างนี้ แล้วก็ทำขนมเค้กแบบไทยๆ พอเราโตขึ้นมาคุณแม่ก็เปลี่ยนอาชีพ คือยังชอบอยู่แหละแต่ว่าไม่ได้ทำแล้ว แล้วเราก็รู้สึกผู้กพันมาตอนเด็ก แต่เราก็เข้าใจเขา พอเราโตมาเป็นนักร้อง หลังจากเป็นนักร้องเราก็ไปเรียนประเทศต่างๆ สุดท้ายมาจบที่ฝรั่งเศสและก็กลับมาเมืองไทย แม่ก็บอกว่าเรามีที่อยู่ตรงนี้นะเป็นตึกของเราเอง แล้วก็อยู่ใกล้กับชุมชนที่มีฝรั่งมาอยู่เป็นรายเดือน น่าจะเปิดร้านอะไรสักหน่อยไหม เราก็คิดแบบ ก็อยากทำนะสนุกๆเล่นๆ เราชอบร้านกาแฟร้านคาเฟ่อยู่แล้ว ก็เลยสรุปว่าลองทำเมื่อสิบปีที่แล้ว เหมือนกับว่าทำเอาสนุกอะ อยากทำอะไรอย่างนี้ ณ ตอนนั้นพัทยายังไม่ค่อยมีร้าน แต่จะมีร้านลา บาแกตต์นะครับที่เราชอบไปมาก(ร้านของจ๋าภรรยาอั๋น) ตอนนั้นที่เราเริ่มทำเรารู้สึกว่าบริเวณนี้ยังไม่ค่อยมีร้านให้ฝรั่งแถวนี้เลย เราก็เลยมาลองเริ่มทำดูครับ ซึ่งตอนแรกเราทำเอง คือเรามีความรู้แต่ประสบการณ์เราสู้คุณแม่ไม่ได้ เพราะว่าทำมานาน เราก็เอาสูตรทุกอย่างมารวมกัน แล้วเราก็พยายามถ่ายทอดให้กับพนักงาน เพื่อที่เขาจะได้ทำต่อได้ครับ แต่ตอนแรกเราต้องทำเองทุกอย่าง

ชื่อร้านแปลว่าอะไร?



Loaf (อ่านว่า โลฟ) จริงๆมันเป็นภาษาอังกฤษนะครับ A loaf of Bake มันก็คือก้อนขนมปัง ตอนนั้นปรึกษา พี่บอย(บอย โกสิยพงษ์)ว่าชื่ออะไรดี ก็คิดชื่อนี้ขึ้นมา พี่บอยก็บอกว่าก็ดีนะเพราะมันสามารถเล่นกับมัน เป็น Loveได้อะไรอย่างนี้ สโลแกนของร้านคือ WE LOAF YOU คือ WE LOVE YOU อะไรอย่างนี้



มันมีบางอย่างที่เป็นไฮไลท์ ถ้าไม่สั่งไว้ก่อนหมดนะ?

สติกกี้บัน คือจริงๆแล้วสติ๊กกี้บันของอเมริกามันจะทำจากแป้งพัฟเพรสตี้ ก็คล้ายๆพวกครัวซองค์ เราเคยลองเอามาทำดูไม่ค่อยถูกปากคนไทย เพราะมันจะติดแข็งนิดนึง เราก็เลยค่อยๆปรับสูตรมาเรื่อยๆ เราก็เลยเอาสูตรของอเมริกาเนี่ย มาผสมกับเทคนิคบางอย่างของการทำบริยอชของฝรั่งเศส แล้วเราก็ผสมมันเข้าด้วยกันให้เป็นแป้งที่นุ่มขึ้น แล้วก็ปรับไส้จากที่เมื่อก่อนจะเป็นอัลมอนด์แบบฝรั่ง เราก็เปลี่ยนเป็นมะพร้าวอะไรอย่างนี้ครับ อย่างมะพร้าวเนี่ยสั่งมาจากสัตหีบ ตอนนี้มี 2 รสเป็นรสหลักและจะมีรสพิเศษมาเป็นซีซั่นนอล(ฤดูกาล)



อันไหนขายดีสุด?

มะพร้าว 

ตอนเปิดร้านครั้งแรกเนี่ยเห็นว่ามีปัญหาเยอะมาก?
ตอนที่เราเป็นนักร้องอะ เราโดนเทคแคร์ แต่ว่าพอมาทำร้านอาหารเนี่ยคือเราต้องเป็นฝ่ายดูแลคนอื่นละ ทั้งพนักงานทั้งลูกค้าอะไรงี้ครับ แล้วเราก็ปรับตัวไม่ทัน เราไปอยู่ที่เมืองนอกมา เราจะมีภาพบางอย่างที่อยากให้ร้านเราเป็นใช่ไหมฮะ แต่พอกลับมาเนี่ยทีมงานของเราเป็นคนไทย แล้วเขาก็ไม่เคยเห็นภาพนั้นกับเรา แล้วพอมันไม่ได้ตามที่เราอย่างจะได้ มันก็หงุดหงิด

ถึงขนาดมีลูกน้องมาทำงานได้ชั่วโมงเดียวออกเลย?

คือตอนเขาออกเนี่ย เขาไม่ได้บอกเราว่าเขาจะออก เขาบอกพี่หนูไปซื้อของหน่อย ซื้อข้าวกินหน่อยแล้วเขาก็ไปเลย 

แล้วทำไมเขาถึงไปใน 1 ชั่วโมง เราไปทำอะไร?
ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนั้นเหมือนกับว่าเขาเข้ามาแล้วรู้สึกว่ามาตราฐานมันสูง แล้วเขารู้สึกมันเกินตัวเขามากไปอะไรอย่างนี้ครับ




อีกอย่างหนึ่งที่แปลกมากที่เลือกจะไปเรียนวิชาสะกดจิต?

จริงๆแล้วเราชอบเรื่องจิตวิทยามาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ แล้วก็พอมาทำตรงนี้เรารู้สึกว่า ทำไมเราเข้าใจคนอื่นน้อยจัง ทำไมเราบริหารจัดการอะไรยากมาก ก็เลยไปเรียนเพิ่มเติมจนกระทั่งถึงจุดนึง เราก็เริ่มสงสัยในตัวเอง เรารู้สึกว่าเรามีอะไรบางอย่างที่เราอยากจะเอามาใช้เป็นประโยชน์นะ แต่ว่ามันคืออะไร? ก็เลยไปคุยกับคุณหมอท่านนึงที่มีคนแนะนำไป ซึ่งเขาเป็นอาจารย์แพทย์แต่ว่าเขาไม่ได้ทำในโรงพยาบาลแล้ว ออกมาเปิดคลีนิคในการสะกดจิดเพื่อพัฒนาจิตใต้สำนึกอะไรอย่างนี้



ล่าสุดเป็นหมอดู นี่คือไพ่อะไรทำไมมันมีหลากหลายแบบนี้?

มันคือไพ่ออราเคิล จริงๆออราเคิลเนี่ย ตามตำนานเลยอะมันมีตั้งแต่สมัยกรีกแล้ว แต่เขาเพิ่งทำมาเป็นไพ่เนี่ยเมื่อประมาณ 200กว่าปีที่ผ่านมา หลังจากไพ่ยิปซี ไพ่ทาโร่ห์

อยากรู้ความต่าง?



ไพ่ยิปซีมันเหมือนการพยากรณ์เหตุการณ์ แต่ว่าไพ่ออราเคิลเนี่ย คือจริงๆแล้วผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการดูดวง แต่มันเป็นการช่วยตีความให้มุมมอง คือสำหรับผมอะ ออราเคิลมันไม่มีความแม่นหรือไม่แม่น มันเป็นความแค่ว่าแมสเซจที่คุณต้องการที่จะได้ยินเพื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ดีที่สุดคืออะไร กึ่งโค้ชชิ่งนิดหน่อย คือมันไม่ได้ดึงอำนาจการตัดสินใจการใช้ชีวิตของเราไปมันแค่ให้มุมมองแล้วคุณก็ตัดสินใจเอง

ทำไมถึงเลือกไปเรียนอันนี้อีก?

อันนี้เราไม่ได้เรียนฮะ เราใช้เองก่อน คือตอนแรกเราชอบเรื่องไพ่เพราะว่าไพ่มันมีเรื่องของศิลปะและก็ชอบเรื่องของจิตวิทยา แล้วก็ชอบเรื่องของการช่วยเหลือคนอื่น มันเป็นอะไรที่ลงตัวพอดีเกี่ยวกับไพ่ออราเคิล จริงๆทุกๆสำรับมันจะมีหนังสือแถม

แปลว่าทุกอันที่พี่เค้กเก็บคือสะสมด้วยไหม?

ใช่ ตอนแรกเราไม่คิดเลยว่าเราจะดูดวงหรืออะไรอย่างนี้ เราไปดูแล้วเราก็รู้สึกว่าเออ มันน่าสนใจดี แล้วก็ทำอะไรกับมันได้มั่งนะ แล้วก็ซื้อมาลองทำดู 

เราลองใช้กับตัวเองก่อน เหมือนเป็นการไกด์กับตัวเองด้วย เพราะว่าเราก็ไปหลากหลายอาชีพอยู่?
ใช่ครับ อาจจะปัญหาของเราอะ ต่างจากคนอื่นนิดนึง คือเราอะ ร้องเพลงก็พอได้ ทำอาหารก็พอได้ คือทำได้หลายอย่าง กลายเป็นว่าแล้วเราจะเอาอันไหนดีนะ แล้วการที่เราได้ให้ความสบายใจกับคนอื่นอะ เป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขที่สุด มันจะแม่นไม่แม่นอะไร อย่างน้อยเลยนะฮะ มันเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ดี สมมุติเราเปิดไพ่นึงมา ไพ่บอกบางอย่าง เราได้คุยกับคนนั้น