"อั๋น ภูวนาท" ซึ้งหลังใช้ชีวิตคู่"จ๋า" 3 ปี รับเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ

2020-08-11 09:55:04

"อั๋น ภูวนาท" ซึ้งหลังใช้ชีวิตคู่"จ๋า" 3 ปี รับเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ

Advertisement

เป็นครอบครัวสุขสันต์ที่มีโมเม้นต์หวานๆออกมาให้แฟนๆได้ยิ้มตลอด สำหรับครอบครัว คุณผลิน ของ "อั๋น ภูวนาท" ที่ล่าสุดควงภรรยา "จ๋า อลิสา" และลูกชายสุดที่รัก "น้องพอล" มาสร้างสีสันให้กับรายการ CLUB FRIDAY SHOW  พร้อมเผยใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 3 ปี มีแต่ความสุขที่สุดบรรยาย โดยอั๋น ภูวนาท เผยว่าลูกชายที่เป็นโซ่คล้องใจของทุกคนในครอบครัวแล้ว ยังคือคนที่ทำให้ตัวเองรู้ซึ้งหัวอกของคำว่า พ่อ อีกด้วย 




หลังจากแต่งงาน 3 ปี ชีวิตคู่เป็นยังไงบ้าง ?



อั๋น : เขาเป็นคุณแม่ที่ดีจริงๆเขาทุ่มเทให้ลูกตลอด เรารักมากนะแต่เราก็ยังมีโมเมนต์ขี้เกียจอยู่เลยแบบอยากนอน อยากอะไรอยู่เลย แต่ทุกคืนจ๋า เขาจะอ่านนิทานกับลูกจนกว่าลูกจะหลับ

จ๋า : จริงๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยกันทุกคืนมันเหมือนติดไปเลย



อั๋น : เราไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นแม่ที่ไม่ดี แต่เพราะว่าเรามีแม่ที่ดีมาก แล้วเราก็นึกในใจว่าเราจะไปหาภรรยาที่ไหนที่ดีเท่าแม่ได้บ้าง หรือดูแลลูกได้ดีเท่ากับที่แม่ดูแลเราได้ แต่เรารู้สึกพึ่งพอใจที่มีเขาเข้ามา วันนี้ฉันโชคดี

จ๋า : เขาเป็นคนหวาน คือเราสองคนไม่เหมือนกัน แบบว่าในลักษณะของความใส่ใจ ภูวนาทเขาใส่ใจจ๋ามากกว่าด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าจ๋าไปใส่ใจลูก แต่ภูวนาทจะใส่ใจเราว่าทานนี่ไหม เขาเป็นคนใส่ใจ เราก็รู้สึกชื่นใจที่เขาทำให้เราแต่เราก็แบบไม่ได้ทำให้เขาเลย แล้วก็รู้สึกผิดแบบรู้สึกเกรงใจ แต่ไม่ได้รู้สึกเกรงใจแบบผิดนะคะ แต่รู้สึกผิดที่เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลย เขาเป็นอะไรที่ทำให้เราได้มองว่าเราจะดีขึ้นยังไง จ๋าก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี บางครั้งนอนๆอยู่ทำไมเขาน่ารักอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้บอกเขานะ .. แบบตายแล้วทำไมดีจังเลย บางทีบางเรื่องเป็นเรื่องธรรมดามากเราจำไม่ได้หรอก ในความที่อยู่กับอีกความหนึ่งแล้วรู้สึกว่า จ๋า ยังบอกเขาอยู่เลยว่า อยู่กับอีกคนแล้วเธอยังทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอหอม ได้ตลอดเวลา ฉันก็จะรู้สึกดีที่ว่าหอมคือทำให้เรารู้สึกชื่นใจได้ตลอดเวลามันก็รู้สึกดี ตอนนี้ 3 ปีแล้ว เราไม่เคยมีสักโมเมนต์เลยที่รู้สึกว่าอยู่กับเขาแล้วรู้สึกรำคาญใจเลย เรื่องจุกจิกไม่เคยเก็บเอามาคิดอยู่แล้วค่ะ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ อยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นคนหลงรักเด็ก พอมีลูกเองหลงรักลูกมากเลย ?

อั๋น : หลงมาก คือตั้งแต่มีลูกเขาทำให้อั๋นดีขึ้นนะ ซึ่งก่อนที่เราจะมีเขาเราก็รู้สึกว่าเราก็เป็นดีประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แต่พอเรามีลูกปุ๊บเราจะเข้าใจไปหมดเลย เช่น นั่งอยู่แล้วขึ้นเครื่องบินแล้วมีเด็กร้องไห้เราจะรู้สึกว่า โธ่ !! สงสารผู้ปกครองคู่นั้นจังเลย ถ้าคนที่นั่งรอบเขาทรมานมากฉันย้ายไปนั่งตรงนั้นก็ได้นะ นี่คิดแบบนั้นจริงๆ เพราะรู้สึกว่าอยากบอกเขาว่าอย่าเครียดมันทำอะไรไม่ได้ คือเรารู้สึกว่าเราเป็นคนใจกว้าง หรือไปเดินห้าง เห็นบางคนที่เขาเอาลูกไม่อยู่อยากเดินเข้าไปช่วยเลยไม่ได้คิดว่าจะเอาอยู่นะ แต่คิดว่าช่วยได้ แบบว่าคุณไหวไหมเอาของมาช่วยถือก่อน คุณจะได้จัดการกับลูกก่อน คือยื่นเล็งนานมากถือเขาไม่ไหวเราจะเข้าไปช่วย



จ๋า : แต่เวลาลูกไม่น่ารักเขาก็ดุลูกนะคะ ไม่น่ารักเลยถ้าแบบนี้แดดดี้มาชอบ ถ้าทำแบบนี้แดดดี้ไม่รักนะ ดุ จนจ๋าบอกว่าเบาๆหน่อยเดี๋ยวจะร้องไห้แล้ว

อั๋น : เราแค่รู้สึกว่าเด็กคือ สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งถ้าเราใช้สติเราจะรู้ไง

จ๋า : ในมุมของความเป็นพ่อของ อั๋น คือ เราทันทีกับลูกได้ยอมทุกอย่างเพื่อลูกได้





น้องพอลเหมือนอั๋นทุกอย่าง เหมือนยังไง ?

จ๋า : เหมือนทุกอย่าง เขาเป็นคนชั่งแกล้ง ทะเล้น แล้วแบบ daddy ทำอะไรเขาทำหมด แบบคุณพ่อติดยาดม ชอบทาลิปมันเขาก็ทาลิปด้วย

อั๋น : คือเราไม่เคยรู้จนกระทั่ง อยู่ดีๆเรามาสังเกตว่าใครสอนให้เดินแบบนี้ แล้วคือเราก็ไม่รู้ว่าเราเดินแบบนี้ อั๋นเป็นคนเวลานอนบนเตียงไขว้ห้างเขาก็นอนไขว้ห้างเหมือนกับเรา

แล้วอะไรที่มาทางจ๋าบ้างแบบลูกแม่ชัดๆ ?

จ๋า : หน้าตาอาจจะมาทางจ๋า แต่ว่าเอาจริงๆคือ นิสัยอั๋น แต่จริงๆโชคดีอยู่นะถ้าสมองไปทางอั๋น แต่กลัวปากจัดเหมือนอั๋น (หัวเราะ)



อั๋น : คือพอเราเห็นเขาทำตามแบบเขาเลียนแบบเรา เราเหมือนเป็นต้นแบบของเขา เราก็รู้สึกว่าด้วยวัยของเขาวัยนี้ เป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้ เลียนแบบเราเยอะมาก พูดตามเราทั้งที่เขายังไม่เข้าใจ หรือไม่เข้าใจ แล้วโดยธรรมชาติเราก็คิดว่าเราเป็นคนสุภาพพอสมควร แล้วเราก็ได้ยินเขาพูดตาม เช่นทำแบบนี้ได้ยังไงว่ะบ้าเหรอ แล้วเขาก็หันมาพูดตาม บ้าเหรอ !! แล้วเราก็แบบแย่แล้ว แล้วอย่างเล่นคำอื่น อั๋น รู้สึกว่าคำนี้ไม่ได้เป็นคำหยาบอะไรมากมาย อย่างเช่นคำว่า ทุเรศ จนเขาหันมามองหน้าเราแล้วยิ้มๆแล้วบอกเราว่า ทุเรศ

จ๋า : เราก็พยายามที่จะคอนโทรล ตัวเราเองด้วยว่าเราจะทำอะไรเราต้องคิดถึงลูก หรือว่าเขาขนาดบางทีเราไม่รู้หรอก บางทีเขานั่ง อยู่ตรงนี้ เขาได้ยินหมดนะคะ เขาจำ เขาเข้าใจ บางทีเขาหันมาตอบด้วย ส่วนใหญ่ๆคือ เป็นเรื่องที่เราต้องระวัง ถ้าคำต่างๆอะไรที่เข้าไปอยู่ในหัวเขาที่เราไม่รู้ตัวว่า .. อีกวันทำไมเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แปลว่าเขาฟังเขาได้ยินตลอด แค่เขาไม่ได้หันมามองเรา

อั๋น : จริงๆไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับตัวใครก็ได้แต่มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับตัวเรา



น้องพอล เป็นหัวใจของทุกคนในครอบครัว ?

อั๋น : โดยเฉพาะกับ คุณย่า เป็นหนักมากเลย เมื่อก่อน อั๋น ไม่รู้สึกว่าที่บ้านมีลูกคนโปรดรู้สึกว่าโอเค ถ้าเทียบกับเราเป็นลูกคนเล็ก แต่ ณ ตอนนี้ถ้าเทียบความห่วงคือข้ามลูกคนเล็กไปหมดเลย ไปอยู่ที่หลานคนเดียวเลย ซึ่งเขาห่วงมาก !! ห่วงแบบพูดถึงน้ำตาไหลตลอดเวลาเลยคุณย่า รักมาก

คุณย่า : ถามว่าคุณย่ารักน้องพอลแค่ไหนก็ต้องบอกว่า รักมากค่ะ เพราะทุกวันนี้ น้องพอล คือความสุข คือเสียงหัวเราะ คือ ศูนย์รวมพลังขอครอบครัว ไม่ว่า ลุง ป้า น้า อา เข้าบ้าน ต้องตรงดิ่งไปหาน้องพอล ก่อนเลย ยิ่งตอนนี้ยิ่งน่ารัก ช่างพูดพัฒนาไปได้เร็วมากเลยค่ะ ฉะนั้น น้องพอล เหมือนของขวัญจากฟ้าเลยนะคะ ที่มาเติมเต็มความสุขของครอบครัว ทุกวันนี้ก็ดีใจกับอั๋น ที่ลูกได้ครอบครัวที่ดีมีน้องพอล เติมเต็มชีวิต จ๋า ก็เป็น ทั้งภรรยาและแม่ที่ดี สิ่งที่ทำให้น้องพอล ได้ก็คือ (คุณย่าเริ่มเสียงสั่น) ต้องทำร่างกายให้แข็งแรง เพื่อที่จะอยู่ กับน้องพอล นานๆนะคะ จะเรียกว่าน้องพอล คือ กล่องดวงใจของคุณย่าก็ได้ ย่ารักพอลมากนะลูก แต่ก็อยากให้ลูกๆรู้ด้วยว่าคุณย่าไม่เคยลืมลูกเช่นกันนะคะ แต่เพราะว่าในวัยนี้ของคุณย่ามีเวลาว่างมากขึ้นก็ได้อยู่กับหลานก็มีความสุขค่ะ

จ๋า : คุณย่า เขารักมากจริงๆเขาไม่ได้รักแค่น้องพอลนะคะ ทั้งครอบครัวคุณย่าดูหมด รักหมดทุกคน

จนถึงวันนี้มีอะไรอยากจะบอกซึ้งกันและกันบ้าง ?

จ๋า : จ๋าแค่ห่วงเข้าคือนอนน้อย คือจ๋าก็บอกเขาว่าไม่อยากที่จะมีชีวิตที่อยากจะแข็งแรงแล้วดูลูกโตแล้วแบบคืออยู่กับลูกจนโตเหรอ จ๋าบอกว่าต้องระวังเรื่องนี้มากๆเพราะจริงจ๋ารู้สึกว่าเรื่องเงินไม่สำคัญ เพราะจริงๆเราก็กินเท่านี้ อยู่เท่านี้โควิดก็ทำให้เราเห็นว่า เราไม่เห็นต้องได้อะไรเลยเราอยู่บ้านเราก็มีความสุขได้สนุกได้เราอยู่กันง่ายๆได้ ซึ่งเราก็มีความสุขดีความสุขเราไม่ได้อยู่ที่มีงานเยอะ มีตังค์เยอะ

อั๋น : ในมุมของอั๋นโชคดีที่เจอกัน คุ้มค่ากับการรอคอย มันเป็นเรื่องดีที่เราพูดได้ที่เราเจอคู่ เป็นคู่ที่เราก็สามารถพูดแทนได้ด้วยว่าเราคิดว่าเขาก็รู้สึกเหมือนกัน เขาก็สอนอะไรหลายๆอย่างด้วย ถ้าให้เปรียบเทียบเวลาเราทะเลาะกันหรือว่าอั๋น จะเปิดศึกแล้วนะฉันจะยิงแล้วนะ เขาเอาเอาเครื่องลงจอดเลยไม่ใช่หนีนะเขาหมอบ คือ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่สู้แต่เขาแบบยอม เราเลยต้องรีบลงจอดด้วยแล้วเราก็จำความรู้สึกนั้นว่า โอ๊ยดีจังเลยที่เขาไม่ยิงสวนเพราะไม่งั้นบาดเจ็บทั้งคู่แน่นอน ซึ่งพอเขาเป็นบ้างเราก็จะทำแบบเขาทันที พอเป็นแบบนี้ทำให้ อั๋น รู้สึกเหมือนรู้ตัวว่าให้ตัวเองอารมณ์เย็นลง

อั๋น : ส่วนลูกชาย จริงๆอั๋นเป็นคนที่บอกรักลูกตลอดเวลา (จ๋า ร้องไห้) บอกบ่อยมากเลย ผมคิดว่าเขาเกิดมาเป็นเด็กที่โชคดีอยู่แล้ว ไม่ใช่ที่บอกว่าที่เขาเกิดมาดีพร้อมหรือว่าอะไร ในเชิงวัตถุ หรือ ว่าเงินทองไม่เกี่ยวนะครับ อั๋นโชคดีที่เขาเกิดมาแล้วมีคนรักเขา เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่บอกรักเขาผมจะบอกเขาว่าต้องเป็นเด็กดี รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน หนูต้องรู้นะว่ามีคนรักเราในวันนี้ ซึ่งวันหน้าก็ไม่รู้อีกน่ะ แต่เราก็ต้องเป็นคนที่ดีคนที่น่ารัก