วัดพนัญเชิงจัดระเบียบ งดจำหน่ายวัตถุมงคล

2017-10-03 23:25:11

วัดพนัญเชิงจัดระเบียบ งดจำหน่ายวัตถุมงคล

Advertisement

วัดพนัญเชิงวรวิหารจัดระเบียบภายในวัด ย้ายตู้จำหน่ายวัตถุมงคลออกจากวิหารหลวงพ่อโตและจากพระอุโบสถ รวมถึงด้านหน้าและโดยรอบไปจนหมดสิ้น คาดเงินทำบุญลดลง 50%

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระสงฆ์ สามเณร และคนงานวัด ต่างช่วยกันเร่งปรับปรุงขนย้ายสิ่งของ เพื่อจัดโซนนิ่งพื้นที่ภายในวัดให้เป็นไปตามที่มหาเถรสมาคม ได้มีหนังสือแจ้งเตือน ไปยังเจ้าคณะเขตปกครองพระสงฆ์ทั่วประเทศ เรื่องห้ามจำหน่ายวัตถุมงคลภายในพระอุโบสถ รวมถึงห้ามจำหน่ายวัตถุรูปปั้น รูปเหมือน หรือรูปเทพเจ้าต่างๆ

โดยเฉพาะภายในวิหารหลวงพ่อโต ปกติจะเป็นจุดที่มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาถวายผ้านำขึ้นไปห่มองค์หลวงพ่อโต พบว่ามีการติดป้ายประกาศไม่มีการห่มผ้าองค์พระแล้ว แต่จะใช้วิธีการให้นำผ้ามากล่าวขออธิฐานถวายผ้า แล้วนำไปวางไว้ที่โต๊ะ รวมไปถึงตู้จำหน่ายวัตถุมงคล พระสงฆ์ที่มานั่งรับสังฆทานไม่มีให้เห็นแล้วเช่นกัน ทำให้โดยรอบขององค์พระและภายในวิหารมีความเป็นระเบียบ




พระครูสุธีกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เปิดเผยว่า ได้ย้ายตู้จำหน่ายวัตถุมงคลออกจากวิหารหลวงพ่อโตและจากพระอุโบสถ รวมถึงด้านหน้าและโดยรอบไปจนหมดสิ้นแล้ว โดยย้ายไปในจุดกองอำนวยการด้านข้างวัดติดกับลานจอดรถแทน ส่วนรูปเคารพเทพเจ้าตามความชื่อของคนไทยเชื้อสายจีน ได้นำออกจากหน้าวิหารหลวงพ่อโตแล้วเช่นกัน และจะย้ายไปอยู่ในจุดศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งมีมาคู่กันวัด

ส่วนการห่มผ้าหลวงพ่อโต จากเดิมมีการโยนผ้าขึ้นไปที่องค์พระหลวงพ่อโต ได้สั่งห้าม และเปลี่ยนมาเป็นนำผ้าไตรจีวรมากล่าวคำถวาย และนำไปวางไว้ที่โต๊ะด้านหน้าหลวงพ่อโตเท่านั้น ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบาย พร้อมกับติดป้าย เพื่อแจ้งให้ผู้มากราบไหว้ทราบโดยทั่วกัน



“สำหรับข้อห้ามต่าง ๆ ที่กำหนดมาคณะสงฆ์พร้อมน้อมรับปฏิบัติตามอย่างเต็มใจ และถือเป็นโอกาสที่ดีในการจัดระเบียบพื้นที่ของวัดทั่วประเทศ ให้มีระเบียบเรียบร้อย ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย และข้อครหาเชิงพุทธพาณิชย์ ส่วนข้อสงสัยที่ว่า จะทำให้ยอดเงินบริจาคทำบุญน้อยลงหรือไม่นั้น หากมองที่จำนวนเงิน แน่นอนว่าอาจลดลงถึง 50% แต่ประเด็นเรื่องเงินทำบุญไม่ใช่ประเด็นหลักของการเข้าวัด เพราะประเด็นหลักอยู่ที่การเข้าวัดเพื่อตั้งมั่นในศีลธรรม” พระครูสุธีกิจจาภรณ์ กล่าว