“จุรินทร์” ปลื้ม “ศิลปาชีพทอใจ วิถีใหม่ ใต้ร่มพระบารมี” ยอดขายวันเดียว 20 ล้าน

2020-08-02 22:15:29

“จุรินทร์” ปลื้ม “ศิลปาชีพทอใจ วิถีใหม่ ใต้ร่มพระบารมี” ยอดขายวันเดียว 20 ล้าน

Advertisement

“จุรินทร์” ปลื้ม “ศิลปาชีพทอใจ วิถีใหม่ ใต้ร่มพระบารมี” ยอดขายวันเดียว 20 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่อาคารแสดงสินค้าอิมแพ็ค ฮอลล์ 5-7 เมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล  รมช.พาณิชย์ เปิดงาน “ศิลปาชีพทอใจ วิถีใหม่ ใต้ร่มพระบารมี”


นายจุรินทร์ กล่าวว่า งานในวันนี้ถือว่าเป็นงานสำคัญของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศซึ่งเป็นองค์การมหาชนภายใต้สังกัดของกระทรวงพาณิชย์ที่รับผิดชอบในเรื่องของการตลาดผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศิลปสชีพ ซึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงริเริ่มไว้ในรูปของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ มีหน้าที่เข้ามาดูแลเรื่องการตลาดทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ วันนี้เป็นการจัดงานใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศขึ้นมา ถือเป็นงานใหญ่งานแรกภายใต้สถานการณ์โควิด แต่งานจัดในรูปแบบ social distancing เต็มรูปแบบ โดยมีไฮไลท์คือการแสดงของงานศิลปาชีพชิ้นเอกสำคัญครบถ้วนทั้งหมดรวมทั้งการนำงานชิ้นสำคัญมาประมูลเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มาประมูลและมีการนำดีไซน์เนอร์จากต่างประเทศกว่า 60 ประเทศมาใช้ผ้าวัสดุของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพในการออกแบบเครื่องแต่งกาย ซึ่งผู้อำนวยการรายงานว่าจากนี้ไปทางดีไซเนอร์ทั้ง 60 ท่านนี้จะทำหน้าที่เหมือนเป็นทูตของศิลปาชีพ ในแต่ละประเทศในการช่วยเผยแพร่งานศิลปะชีพและอาจจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายการตลาดให้กับศูนย์ศิลปาชีพด้วย เพื่อที่จะให้งานศิลปาชีพนั้นเผยแพร่ในวงกว้างมากขึ้นในตลาดต่างประเทศและจะขยายต่อไปในอนาคต สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เป็นการจัดงานในช่วงวันที่ 1-5 ส.ค. โดยจัดตั้งแต่ 10.00 - 22.00 น.ของทุกวันโดยตั้งเป้าหมายว่ายอดขายไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท แต่่ได้รับรายงานเพียงวันแรกได้ถึง 20 ล้านบาทแล้ว คาดว่าจะได้ยอดขายมากกว่านั้นมาก คงบรรลุเป้าหมายทางการตลาด ซึ่งถ้าการจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็จะได้มีการจัดให้ถี่ขึ้น เพราะเราต้องการให้งานของศิลปาชีพกระจายไปทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ จึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่านได้มาร่วมชมกันตั้งแต่วันที่ 1-5 ส.ค.