สถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ทำลายพื้นที่ทำการเกษตรหลายหมื่นไร่ จนถึงวันอังคารที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 86 คน น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ บีบให้ประชาชนมากกว่า 2.7 ล้านคน อพยพออกจากบ้านเรือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ในรัฐอัสสัม ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกชาสำคัญและเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ “กาซีรังคา” ที่มีชื่อเสียงของประเทศด้วย
น้ำท่วมครั้งนี้ กระแสน้ำได้กวาดเอาบ้านเรือนประชาชนมากกว่า 10,000 หลังทั่วรัฐอัสสัมพังเสียหาย ซึ่งบางหลังลอยไปตามกระแสน้ำ เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องตั้งศูนย์บรรเทาทุกข์กว่า 300 แห่งขึ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือด้านการบรรเทาทุกร์ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรค จากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงระบาดรุนแรง ซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1.1 ล้านคนและเสียชีวิตมากกว่า 2.8 ล้านคนแล้วจนถึงขณะนี้ ส่วนศูนย์บรรเทาทุกข์ ที่มีผู้คนจำนวนมาก มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม social distancing และการสวมหน้ากากอนามัย กลายเป็นความท้าทายของเจ้าหน้าที่
ในรัฐอัสสัมและพิหาร ประชาชนหลายพันคนต้องทิ้งบ้านเรือน ใช้เรือและแพที่ทำขึ้นเองอพยพออกจากพื้นที่ หมู่บ้านหลายร้อยแห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างเด็ดขาดจากระดับน้ำท่วมสูง ทำให้การบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือต่าง ๆ ยากยิ่งขึ้น
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติกาซีรังคา 85 เปอร์เซ็นต์ในรัฐอัสสัม ซึ่งป็นที่อยู่ของแรดนอเดียวใกล้สูญพันธุ์ประมาณ 2,500 ตัว มากที่สุดในโลก จมอยู่ใต้น้ำ ทำให้สัตว์กว่า 100 ตัว ซึ่งรวมทั้งแรดนอเดียว 9 ตัวจมน้ำตาย เจ้าหน้าที่บอกว่า ควายป่า, หมูป่า, กวางบึงและเนื้อทราย อยู่ในกลุ่มสัตว์ที่พบจมน้ำตายด้วย นอกจากนี้ น้ำท่วมยังทำให้สัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ อพยพขึ้นมาอยู่บนถนนที่สูงกว่าระดับน้ำ และเข้าไปใกล้พื้นที่ของประชาชนมากขึ้น เจ้าหน้าที่เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาอำนวยความสะดวกด้านการจราจรรอบ ๆ แรดนอเดียวตัวหนึ่ง หลังจากที่มันมานอนหมดแรงอยู่บนถนนที่การจราจาหนาแน่นสายหนึ่งใกล้อุทยานแห่งชาติช่วงสุดสัปดาห์
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอัสสัม แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า แม่น้ำพรหมบุตร หรือรู้จักกันในชื่อ “ความเศร้าโศกของอัสสัม” ระดับน้ำมีแนวโน้มเอ่อล้นฝั่งและทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านโดยรอบ
แม่น้ำพรหมบุตร ซึ่งไหลผ่านทิเบต, บังกลาเทศและอินเดีย เอ่อล้นฝั่งในช่วงที่ไหลผ่านรัฐอัสสัมเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ทั้งนี้ ในพื้นที่น้ำท่วมที่กว้างใหญ่ ซึ่งรวมทั้งภาคตะวันออกของอินเดีย, เนปาลและบังกลาเทศ ในฤดูฝนปีนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 200 คน และไร้ที่อยู่อาศัย 4 ล้านคน เฉพาะในบังกลาเทศมีผู้เสียชีวิตแล้ว 67 คน และไร้ที่อยู่อาศัย 2.6 ล้านคน
เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ประเทศ เตือนว่า อาจมีความเสียหายมากกว่านี้ เพราะคาดว่าฝนจะยังคงตกหนักต่อเนื่อง ฤดูมรสุมประจำปีมักจะอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายนและกันยายน ซึ่งก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมและความเสียหายหนักเป็นประจำทุกปี
ประชาชนผู้ประสบภัย กล่าวว่า สถานการณ์ที่นี่ถือว่าเลวร้ายมาก ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับความเสียหายหมด และบ้านเรือนก็พังเสียหาย นอกจากนี้ ปศุสัตว์ก็ล้มตาย ตอนนี้ ประชาชนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การเดินทางไปรับอาหารมาประทังชีวิตก็ยาก