หน.เพาะชำกล้าไม้ฯ ยืนกรานแจ้งจับ"ยาย"เก็บเห็ด

2020-07-09 16:05:58

หน.เพาะชำกล้าไม้ฯ ยืนกรานแจ้งจับ"ยาย"เก็บเห็ด

Advertisement

หน.เพาะชำกล้าไม้ จ.ศรีสะเกษ ยืนกรานแจ้งจับ "ยายเก็บเห็ด" ฐานลักทรัพย์ ลั่นหาของป่าต้องกรอกใบขออนุญาต

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณี นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.ศรีสะเกษ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้าน ประกอบด้วย น.ส.ทัศศอร โยแก้ว อายุ 36 ปี, นางบุญมี อินธิเดช อายุ 59 ปี และนางปราณี โยแก้ว อายุ 63 ปี อาชีพเกษตรกร ชาว ต.ตองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ที่เข้ามาลักลอบหาเห็ดในพื้นที่ของสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.ศรีสะเกษ เพื่อสืบสวนสอบสวน รวบรมพยานหลักฐาน ก่อนดำเนินการขั้นตอนในชั้นสอบสวน

นายประธาน กล่าวว่า ในความเป็นจริง ตนยินดีที่จะให้ชาวบ้านเข้ามาหาเห็ด หรือของป่าในพื้นที่ เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนดี แต่ชาวบ้านบางรายเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต ถือวิสาสะเข้ามาโดยพลกาล และไม่เคารพสถานที่ ไม่เคารพบุคลากร ไม่ให้เกียรติเจ้าหน้าที่ ตนรับราชการอยู่ที่นี่มา 12 ปี ที่ผ่านมาตนอนุญาตให้เข้ามาหาของป่าแล้วหลายร้อยคน ซึ่งพบเจอชาวบ้านบุกรุกทุกปี แต่ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลย กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการเข้ามาลักทรัพย์ซึ่งเป็นเห็ดขมยูคาลิปตัส ถ้าไม่มีทรัพย์ตนก็จะบอกให้เขากลับไป และถ้าจะเข้ามาหาของป่าหรือหาเห็ดในพื้นที่ จะต้องเขียนคำขอต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ามาหาของป่า พร้อมทั้งยื่นบัตรประชาชนไว้กับเจ้าหน้าที่ จะได้รู้ตัวตนว่าเป็นใครมาจากไหน ครั้งหน้าถ้าเข้ามาอีกก็จะได้สามารถสืบสาวราวเรื่องซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ




นายประธาน กล่าวอีกว่า ในส่วนของเรื่องทางคดีความนั้น กรณีดังกล่าวเป็นความผิดซึ่งหน้า ตนจึงปฏิบัติไปตามหน้าที่ ซึ่งแล้วแต่ผู้บังคับบัญชาว่าจะมีความเห็นอย่างไร โดยในชั้นของตนถือเป็นความผิดซึ่งหน้า จึงจำเป็นต้องให้จับกุมดำเนินคดี ซึ่งตนไม่สั่งให้เจ้าหน้าที่ไปไล่จับชาวบ้าน แต่เขาเดินเข้ามาให้จับเอง แล้วมีหลักฐานเป็นเห็ดในตะกร้า ซึ่งตนได้ถ่ายคลิปไว้ด้วยว่าเขาผิดจริง ตอนแรกชาวบ้านกลุ่มนี้อ้างว่าหลงป่า แต่ตนไม่ปักใจเชื่อเพราะดูแล้วมีเจตนาจะเข้ามาโดยพลกาล ซึ่งตนคิดว่าควรทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคมแก่ทางราชการดีกว่าที่จะเข้ามาแอบขโมย

ด้าน พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถาม นายประธาน ทราบว่า ไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย หรือสูญหายแต่อย่างใด จึงเตรียมเชิญตัวคู่กรณีมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อสรุปข้อเท็จจริง ก่อนดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย