“ลุงพล” ท้าแม่ชมพู่ ให้เอาความจริงทั้งหมดมายืนยัน ด้านตาชาญ และยายสมควร อยากให้ลูก ๆ ทุกคนปรองดองกัน ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกัน
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. จากกรณี ด.ญ. อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านพัก ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2563 และมาพบศพน้องชมพู่ วันที่ 14 พ.ค. บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กม. ลักษณะไม่สวมเสื้อ รวม 57 วันคดียังไม่คลี่คลาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
นายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ลุงเองก็อยากให้แม่น้องชมพู่กล้าออกมาเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน ไม่ว่าช่องไหนก็แล้วแต่ที่อยากมารู้ความจริง และตนเองก็ได้ไปออกรายการหนึ่งเมื่อวาน อยากให้พ่อแม่น้อง ออกมาเปิดใจต่อหน้าสื่อ ยินดีจะให้มารับฟังว่ามีการขัดแย้งในครอบครัว มีใครบ้างที่ขัดแย้งกันจริง ใช่ลุงพลไหม พูดออกไปเลยเปิดใจกันเลย ที่พูดผ่านมาพูดเหมือนสร้างภาพ พยายามที่จะให้ลุงเป็นคนผิด ซึ่งลุงก็ยืนยันความบริสุทธิ์มาโดยตลอด ลุงจะไม่ทนไม่ปิดบังเรื่องภายในครอบครัว จะออกมาเปิดเผยให้ทราบ โดยให้แม่น้องเป็นคนพูดออกมา อธิบายให้คนทั้งประเทศรู้ไปเลยว่า บรรดาพี่น้องทะเลาะกัน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันเป็นไปได้ไหมที่พี่น้องสายเลือดเดียวกันจะทำร้ายน้อง มันมีน้ำหนักเพียงพอไหมที่จะทำให้ญาติทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว ไปเข่นฆ่าน้อง ให้เขารู้ไปเลยว่าเรื่องแค่นี้ มันไม่สามารถจะทำให้ญาติพี่น้องไปทำลายหลาน ๆ ตัวเองแต่ถ้าประเด็นอื่นที่พ่อแม่ น้อง ไปทะเลาะไปมีเรื่องกับคนอื่น ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ต้องให้ตำรวจได้รับรู้ข้อมูล ไปรับเรื่องราวจากพี่น้องว่า เขาเคยมีเรื่องบาดหมางใจอะไรกับใครบ้าง แล้วให้เจ้าหน้าที่ไปเรียกมาสอบสวน
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20200708054759601.jpg)
เจ้าหน้าที่ทำคดีทุกวัน เขาจะไม่มีการจับแพะจับลา เขาจะต้องเอาหลักฐานที่ชัดเจน ถึงจะสามารถออกหมายจับได้ ต้องขึ้นอยู่กับพ่อแม่ต้องเป็นคนไปให้ปากคำกับตำรวจว่าสงสัยใครบ้าง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ต้องไปให้การตลอด ทางตำรวจเขาจะสืบสวนของเขาเอง เขาไม่ได้ให้พ่อแม่ไปกับเขาด้วย การที่จะเรียกใครไปสอบสวนทางพ่อแม่ของน้องให้การเท่านั้น เพราะคนอื่นไม่มีสิทธิ์พาดพิงหรือตั้งข้อสงสัย ลุงเป็นญาติไม่ใช่ผู้เสียหาย ลุงตอบแทน พ่อแม่น้องไม่ได้ ต้องให้พ่อแม่น้องไปบอกเจ้าหน้าที่ คนบ้านอื่นที่มีเรื่องบาดหมางใจกันต้องไปบอกเจ้าหน้าที่ให้หมด ให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่วนกลับมาที่ลุงอีก แค่ไทม์ไลน์ที่ลุงเสนอผ่านสื่อมันเป็นการกะเกณฑ์เวลาเท่านั้นเอง และยังมาตั้งข้อสงสัยลุงในวันที่ 11 พ.ค. ว่าลุงไปไหนมาไหน ต้องมีพยานแวดล้อม พยานที่ออกสื่อไปก็มีจริงบ้างเท็จบ้าง อันนี้ไม่ได้ไปแก้ตัว หรือแก้ไขให้เขา ประเด็นที่ว่าเรื่องมันเกิดมานานแล้ว บางสิ่งบางอย่างไม่มีใครจำได้ขนาดนั้น
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20200708054811597.jpg)
นายไชย์พล วิภา เปิดเผยอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวออกไปว่าลุงเอารถยนต์ไปเติมลมที่บ้านน้อง ลุงเองไม่เคยเอารถยนต์ไปเติมลม มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ ไปเติมลมที่บ้านน้อง เป็นปั๊มลมขนาดเล็กที่เขาแถมมากับรถไถ ตอนที่ชมพู่หายไปได้พูดผ่านสื่อว่า เมื่อ 2-3 วันก่อนที่น้องหายตัวไป มีโอกาสได้เอารถมอเตอร์ไซค์ไปเติมลม แต่จู่ ๆ น้องชมพู่ก็บ่นออกมาว่า อยากไปกับลุง เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกับน้อง เหมือนพยายามสื่อมาถึงลุง เหมือนกับจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างกับน้อง ปกติน้องชมพู่ไม่เคยบอกว่าอยากไปกับลุง ลุงก็บอกว่าให้โควิดมันซาก่อน ลุงจะพาไปเที่ยว เพราะตอนนี้เขาปิดบ้านปิดเมือง แล้วก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมา แล้วเห็นสะดิ้งไปปลอบน้อง มันเป็นมอเตอร์ไซดค์ที่เติมลม มันไม่ใช่รถยนต์ ถ้าเป็นรถยนต์จะไปเติมที่ปั๊มน้ำมัน ป.ต.ท. ไม่เคยเอารถยนต์ไปเติมลมบ้านน้อง เป็นไปไม่ได้ และไม่ได้ไปตลอด นานๆ ค่อยไปเติมครั้งหนึ่ง
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20200708054825777.jpg)
ส่วนข่าวที่แม่น้องออกมาพูดผ่านสื่อ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่เผาศพน้อง ลุงไม่เคยขึ้นไปที่บ้านอีกเลย น่าสงสัย ซึ่งลุงขอบอกเลยว่า นิสัยของลุงชอบอยู่คนเดียวที่บ้าน โดยไม่ไปวุ่นวายกับครอบครัวคนอื่น ถึงแม้เป็นญาติกันก็จริง มันเป็นเรื่องปกติที่ทำตัวแบบนี้ ซึ่งงานศพได้เสร็จสิ้นแล้ว เรื่องเล็กน้อยครอบครัวเขาสามารถทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีลุงไปช่วย ถ้าจะให้ช่วยแม่น้องจะโทรมาบอก หรือขี่รถมอเตอร์ไซค์มาบอกเองที่บ้าน ลุงแทบจะไม่ได้ขึ้นไปบ้านน้องเลย ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ผ่านขึ้นไป ถ้าลุงไปได้ทุกๆ วัน มันเหมือนไปกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง อันนี้มันแปลก ยืนยันว่าลุงมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีงานส่วนรวมในหมู่บ้านจะไม่ค่อยไปวุ่นวายกับชาวบ้านเท่าไหร่ ตอนนี้มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ ที่ผมไม่ได้ทำร้ายน้อง ถ้าเป็นไปได้อยากตายแทนหลานเลย การสาบานมันเป็นการทำให้ตนเองรอด ต่อให้ไปสาบานต่อพระแก้วมรกตก็เถอะ ความคิดของผมแต่มันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราพึ่งได้ คนทำผิดก็ต้องรับผิดอยู่ดี
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20200708054833731.jpg)
ส่วนเรื่องทะเลาะกับแม่น้อง ก็มีโอกาสจะกลับมาคุยเหมือนเดิมได้ แต่อาจจะไม่เหมือนเดิม ถ้าหลังจากมีการเปิดอกคุยกันทุกเรื่องผ่านสื่อ ถ้าแม่น้องอยากให้ครอบครัวสนิทกันเหมือนเดิม เชื่อว่ามีโอกาสมีทางเป็นไปได้ แต่แม่น้องต้องกล้าออกมา กล้าออกมายืนยันความบริสุทธิ์ ที่ลุงมีต่อครอบครัวน้อง และกล้าออกมาขอโทษต่อหน้าสื่อ และที่ได้คิด ได้พูดกล่าวหาลุง ถ้าเขากล้าแสดงออกมา ลุงก็เปิดโอกาส กล้าที่จะยอมรับ และให้อภัย แต่สิ่งที่เขาทำตอนนี้ ถ้าไม่มาเปิดเผยที่เขาทำตอนนี้ ลุงยังคาใจอยู่ เชื่อว่าถ้าใครเจอแบบลุง เขาต้องให้ทุกอย่างมันชัดเจน ลุงไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ถ้าเขากล้ายอมรับผิด ลุงก็กล้าให้อภัย
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20200708054849806.jpg)
ด้าน นางสมควร หลาบโพธิ์ ยายของน้องชมพู่ กล่าวว่า ส่วนเรื่องลูก ๆ ทะเลาะกันก็อยากให้มาพูดคุยกันเหมือนเดิม ยายจะเรียกลูก ๆ ทุกคนมาพูดคุยกันแบบพี่แบบน้อง ยายก็อึดอัดใจอยากให้ลูกกลับมาพูดคุยกัน อยากให้จบแต่ว่าครอบครัวคุยกันได้อยู่ ลูกๆ ก็เคยทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ แต่มาเที่ยวนี้มันรุนแรง มันมีเหตุจูงใจ มีเรื่องน้องชมพู่ ปกติเขาก็ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนลุงพลมันเป็นไปไม่ได้ เห็นรักลูกรักหลานดีๆ อยู่ ดูเผิน ๆ ก็รักหลานดีเป็นปกติ ลุงไม่น่าทำ ลุงรักหลาน ถ้าพ่อแม่น้องไม่อยู่ ก็เอาน้องไปฝากลุงพล ป้าแต๋นบางทีลุงพลก็พาไปเที่ยว ไปตลาด เป็นไปไม่ได้ที่ลุงพลจะทำ มีอะไรก็ช่วยเหลือทุกอย่าง มาแตกคอกันกันตอนมีเรื่องชมพู่ แต่ก็ไปมาหาสู่กันปกติ
ส่วน นายชาญ หลาบโพธิ์ ตาของน้องชมพู่ บอกว่า สมมุติว่าหมายศาลออกมาหาลุงพล หรืออนามัย ถ้าหากตามีเงินหรือมีหลักทรัพย์ ตาก็จะประกันตัวทั้ง 2 คนเลย เพราะว่าตาเชื่อว่าทั้ง 2 คน ไม่ทำกับลูก ไม่ทำกับหลานแน่นอน