ออสเตรเลียจะปิดพรมแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียและนิวเซาท์เวลส์ 2 รัฐที่มีประชากรมากที่สุดของปรเทศ นับจากเวลา 23.59 น.ของวันนี้ (อังคาร) ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไม่มีกำหนด ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามอย่างหนักในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในนครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย รองจากซิดนีย์ โดยคำสั่งดังกล่าวที่ประกาศไปเมื่อวันจันทร์ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี ที่ออสเตรเลียต้องปิดพรมแดนของ 2 รัฐนี้ ซึ่งการปิดพรมแดน 2 รัฐครั้งล่าสุดต้องย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2462 ระหว่างการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองเมลเบิร์น พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ต้องหันกลับไปประกาศคำสั่ง social distancing หรือเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มข้นอีกครั้งในพื้นที่ 30 เขตและล็อคดาวน์กลุ่มอาคารที่พักอาศัย 9 แห่งอย่างเด็ดขาดด้วย
รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีประชากร 6.6 ล้านคน รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มอีก 127 คน ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งป็นสถิติรายวันที่สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มการระบาดของไวรัส และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คนด้วย เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 2 สัปดาห์
นายแกลดีส เบเรจิกเลียน นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลงว่า ไม่มีกรอบเวลาสำหรับการเปิดพรมแดน ซึ่งจะมีการส่งกำลังทหารออกลาดตระเวน พร้อมกับการใช้โดรนและการตรวจสอบทางอากาศอื่น ๆ เพื่อป้องกันการข้ามพรมแดน อย่างผิดกฎหมายจากเวลา 23.59 น.ของวันอังคาร ซึ่งพรมแดนของทั้ง 2 รัฐ มีจุดผ่านแดนจำนวนมาก ประกอบด้วยถนน 55 สาย, อุทยานที่เต็มไปด้วยป่า และแม่น้ำอีกหลายสาย ซึ่งปกติในแต่ละวัน จะมีประชาชนเดินทางข้ามพรมแดนระหว่าง 2 รัฐจำนวนมาก ทั้งไปทำธุรกิจ, ทำงาน และเด็ก ๆ ไปโรงเรียนด้วย หากใครฝ่าฝืนจะมีโทษถูกปรับอย่างหนักและจำคุก 6 เดือน
มิค ฟุลเลอร์ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า ทหารจะเข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีการตรวจตราอื่น ๆ เพื่อบังคับใช้มาตรการปิดพรมแดนด้วย
ส่วนพรมแดนด้านอื่น ๆ ของรัฐวิกตอเรีย ในส่วนที่ติดกับรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ก็ยังถูกปิดต่อไป หลังปิดมาตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ก่อนหน้านี้
ออสเตรเลียถือว่าดำเนินการได้ดีกว่าอีกหลายประเทศในการควบคุมการระบาดของไวรัส ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อเพียง 8,500 คนเท่านั้น แต่การระบาดรอบใหม่ในเมืองเมลเบิร์น เพิ่มความตื่นตระหนกมากขึ้น รัฐวิกตอเรียพยายามอย่างหนักในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ซึ่งนำไปสู่ความหวาดกลัวว่า อัตราการติดเชื้อทั่วประเทศอาจกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นกรณีที่กลุ่มพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งที่ทางการใช้เป็นสถานที่กักตัวเฝ้าระวังโรค หรือ state quarantine สำหรับกลุ่มบุคคลที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ในเมลเบิร์น บางคนที่ติดเชื้ออยู่แล้ว ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่โรงแรมกำหนดไว้ ซึ่งมีรายงานว่า มีพนักงานโรงแรมที่ติดเชื้อไวรัสอยู่แล้วบางคนแอบไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ถูกกักตัวด้วย จึงทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จนบีบให้เจ้าหน้าที่ต้องมีคำสั่งให้ประชาชน “พักอยู่ที่บ้าน” อีกในหลายพื้นที่ของเมือง ซึ่งจนถึงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีประชาชน 3,000 คน ในเขตที่อยู่อาศัยที่มีประชาชนอยู่กันอย่างหนาแน่น ต้องถูกกักตัวภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ครั้งใหม่
ทั้งนี้ เฉพาะในรัฐวิกตอเรีย มีผู้ติดเชื้อแล้ว 2,663 คน และเสียชีวิต 22 คน ส่วนทั่วออสเตรเลีย ติดเชื้อมากกว่า 8,500 คน และเสียชีวิต 106 คน จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ในสหรัฐ