เป็นที่ชัดเจน ชาวอังกฤษฉลองการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์คืนแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลั่งไหลเข้าผับที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ดื่มกินกันอย่างเต็มที่ สุดท้ายส่วนใหญ่ก็อยู่ในอาการมึนเมา และแน่นอนที่สุดว่า เมื่อเมาแล้ว ก็ไม่สามารถรักษากฎเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing ได้ บางคนเมาถึงกับแก้ผ้าเปลือยกาย ทะเลาะวิวาทก็มี แม้ว่าบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลอังกฤษจะเรียกร้องให้ทุกคนระมัดระวังตัว อย่าชะล่าใจ ก่อนสถานบันเทิงต่าง ๆ ในอังกฤษ กลับมาเปิดอีกครั้งหลังล็อคดาวน์นาน 3 เดือน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ขอบคุณสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังแสดงความรับผิดชอบ ขณะออกไปหาความสำราญในคืนวันเสาร์
ถนนหลายสายในย่านโซโห กรุงลอนดอน คราคร่ำนักท่องเที่ยว ซึ่งนั่งดื่มกินกันอยู่นอกผับจนถึเช้าวันอาทิตย์ สำนักงานตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน กล่าวว่า มีไม่กี่ร้านที่ปิดก่อนคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากในเมืองหลวง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับรายงานมากกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับการเมา
ในมณฑลนอติงแฮมเชอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมประชาชนไป 4 คน และผับหลายแห่งต้องตัดสินใจปิดร้าน หลังนักท่องเที่ยวเมาได้ที่แล้ว ก็ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งตำรวจกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า คนเมาไม่สามารถและจะไม่มีทางปฏิบัติตามกฎเว้นระยะห่างทางสังคมได้
ทั้งนี้ ประชาชนในอังกฤษยังคงถูกเรียกร้องให้เว้นระยะห่าง 2 เมตร แต่ก็มีคำแนะนำฉบับใหม่ที่เรียกว่า “วัน มิเทอร์ พลัส” (one metre plus) ซึ่งหมายความว่า พวกเขาสามารถเข้าใกล้กันมากขึ้นได้ หากมีมาตรการป้องกัน เช่นการสวมหน้ากากอนามัย และไม่นั่งหันหน้าเข้าหากัน
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน และบรรดาผู้เชี่ยวของรัฐบาล เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎอย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดระลอก 2 ของไวรัส
ส่วนในเมืองเลสเตอร์ ถนนหลายสายส่วนใหญ่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เพราะผับ และสถานบันเทิงต่าง ๆ ยังคงปิดให้บริการ หลังจากเมืองแห่งนี้ เป็นเมืองแรกที่ต้องกลับมาล็อคดาวน์อีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ มาตรการคุมเข้มภาคบริการยังคงบังคับใช้ในสกอตแลนด์และเวลส์ แต่ผับในไอร์แลนด์เหนือสามารถเปิดได้แล้วตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
สำหรับตัวเลขล่าสุดที่เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ พบว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 67 คนในสหราชอาณาจักร รวมผู้เสียชีวิตเป็น 44,283 คน และติดเชื้อ 286,415 คน