"สุภิญญา" แนะ กสทช. ควรตรวจสอบรายการผี ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ควรเข้ามากำกับเนื้อหารายการ ต้องนำเสนอบนพื้นฐานข้อเท็จจริง พิสูจน์ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ได้ ห่วงละเมิดจริยธรรม
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้สัมภาษณ์กับนิว18 ถึงกรณีกระแสวิพากวิจารณ์รายการเกี่ยวกับผีที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ว่า ถือเป็นหน้าที่ของ กสทช. ที่ต้องเข้ามาตรวจสอบใน 2 ประเด็นหลักคือขัดต่อกฎหมายหรือไม่ หรือผิดกฎหมายข้ออื่นหรือไม่ ซึ่งจะได้นำเรื่องมาสู้ในเรื่องของการกำกับดูแลของ กสทช.ตามมาตรา 37 ซึ่งให้อำนาจ กสทช.ในการกำกับดูแล ที่จะมีผลกระทบต่อศีลธรรมของสังคม เนื้อหาของรายการก็จะทำให้ดูในเรื่องของบาป บุญ คุณ โทษ เพราะว่าไม่ใช่รายการบันเทิง แต่คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่าเป็นรายการเรียลลิตี้ ซึ่งรายการนี้ก็จะต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ และยิ่งในเรื่องของประวัติศาสตร์ แต่ถ้าจะทำรายการแนวนี้ก็จะต้องนำผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้เข้ามาให้คำแนะนำด้วย ดีกว่าเข้าไปทางเชิงไสยศาสตร์ หรือเข้าใจผิด และมีอันตรายเกี่ยวกับคน เพราะเราไม่รู้ว่าคนดูแต่ละคนมีพื้นฐานอย่างไร ถ้าเชื่อและเขาเอาไปทำตาม หรือตีความผิด ก็จะเป็นอันตรายได้
น.ส.สุภิญญา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่สองคือ ต้องดูว่าผิดกฎหมายอื่นหรือไม่ อาจมีในเรื่องของการเรี่ยไรเงิน ทำบุญ บริจาคด้วย ซึ่งต้องดูว่าเป็นวิธีการโปร่งใสหรือไม่ มีผลต่อผู้บริโภคหรือไม่ ซึ่ง กสทช.ควรจะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ถ้าเกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่น กสทช.ก็สามารถสั่งยุติหรือลงโทษอย่างอื่นก็ได้ ส่วนในเรื่องของบทลงโทษถ้าไม่ร้ายแรงมากก็อาจตักเตือนก่อน แต่ถ้าร้ายแรงมากก็อาจสั่งให้ปิดรายการได้ ทั้งนี้ กสทช.ควรจะต้องลุกขึ้นมาดูในเรื่องของรายการ ลุกขึ้นมาตักเตือนรายการหรือปรับเงิน แต่ไม่ถึงขั้นสั่งปิดรายการ ในรายการเองก็จะต้องมีการปรับตัว แต่ทุกวันนี้เหมือนไม่มีการกำกับดูแล
น.ส.สุภิญญา ยังกล่าวอีกว่า หากจะทำในแนวเรียลลิตี้และมีการยืนยันว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แม้มีการพาดพิงถึงคนในประวัติศาสตร์ซึ่งเราสามารถทำได้ ถ้านำไปใช่ในเรื่องของวิชาการ ก็ต้องมีอะไรมาอ้างอิงไม่ใช่กล่าวขึ้นมาลอยๆ เพราะหากกล่าวขึ้นมาลอยๆก็จะผิดหลักเรื่องข้อเท็จจริง ทั้งนี้มีข่าวสารมากมาย ข่าวจริงบ้างข่าวปลอมบ้าง ในเรื่องของข่าวลวง ข้อมูลลวง ถ้าเป็นสื่อหลักควรจะต้องตรวจสอบให้ชัด เพราะถ้าเด็กเอาไปดูและเกิดเชื่อในทางไสยศาสตร์เด็กก็จะขาดในเรื่องของเหตุผล เนื่องจากปัจจุบันนี้มีรายการทำนองนี้เยอะมาก และยิ่งเป็นในเรื่องของโรคระบาดด้วยก็จะต้องมีการเสวนาในเรื่องของจริยธรรมสื่อเพื่อจะต้องตรวจสอบความจริงก่อนนำเสนอ ป้องกันประชาชนในเรื่องของความเชื่อด้วย เพราะสื่อมวลชนในยุคนี้ต้องอยู่กับวิทยาศาสตร์ด้วย ต้องมีการพิสูจน์ ตรวจสอบแล้วจึงจะนำเนอได้ ส่วนรายการต้องอยู่ด้วยเหตุและผลแต่ตอนนี้กลายเป็นการแข่งขันด้วยเรตติ้ง ถ้าเอาเรื่องคนตายมาอาจไปล่วงล้ำสิทธิของคนตายด้วยเช่นกัน ครอบครัวผู้วายชนม์ก็อาจลุกขึ้นมาแก้ต่างไม่ได้ ดังนั้นการนำเสนอก็จะต้องไม่ลํ้าเส้นจนเกินไป บางช่องอาจทำแล้วดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแล เมื่อเป็นสื่อมวลชนอย่างน้อยก็ต้องอยู่บนหลักของข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นรายการในแนวไหนก็ตาม