"รังสิมันต์" ชี้หากรัฐบาลจริงใจ ต้องปรับลดงบความมั่นคง

2020-07-02 15:30:07

"รังสิมันต์" ชี้หากรัฐบาลจริงใจ ต้องปรับลดงบความมั่นคง

Advertisement

"รังสิมันต์" ชี้หากรัฐบาลจริงใจ ต้องปรับลดงบความมั่นคง  หยุดงานข่าวกรองที่รุกล้ำข้อมูลส่วนบุคคล หยุดสร้างสายข่าว ทูตแห่งความแตกแยก แล้วนำงบมาเพิ่มให้กับกระบวนการสันติภาพ การเยียวยาประชาชนที่ถูกกระทำโดยรัฐ 

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้  โดยระบุว่า หัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ คือการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายผู้เห็นต่าง มื่อช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีหลายฝ่ายได้แสดงความต้องการให้เกิดเจรจาสันติภาพอย่างชัดเจน ดังนั้นในปีงบประมาณ 2564 นี้จึงควรเป็นปีที่การเจรจาสันติภาพต้องเป็นวาระที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แต่ทิศทางของสถานการณ์จะมุ่งไปสู่การเจรจาสันติภาพ และมีแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำชายแดนภาคใต้กลับสู่สภาวะปรกติ แต่ปรากฏว่ารายละเอียดของงบประมาณกลับเปลี่ยนไปจากปีก่อนๆ น้อยมาก

นายรังสิมันต์ ได้แบ่งประเภทของโครงการต่างๆ ในแผนบูรณาการนี้ตามวัตถุประสงค์ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. โครงการด้านการเยียวยาและฟื้นฟูกระบวนการสันติภาพ 2. โครงการด้านการพัฒนา 3. โครงการด้านความมั่นคง 4. โครงการด้านการปรับทัศนคติและโฆษณาชวนเชื่อ โดยเมื่อดูสัดส่วนของงบประมาณแล้ว งบโฆษณาชวนเชื่อก็ยังคงมีสัดส่วนสูงที่สุดถึง 42.1 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยงบความมั่นคง สัดส่วนสูงถึง 35.8 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่งบกระบวนการสันติภาพที่ควรได้รับความสำคัญเป็นอย่างสูง กลับมีสัดส่วนเพียง 16.4 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น สัดส่วนงบทุกประเภทแทบไม่ต่างจากปีที่แล้ว โครงการด้านโฆษณาชวนเชื่อ ส่งเสริมและเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง ที่เคยอภิปรายกันไปแล้วว่าแท้จริงมันคืองบล้างสมอง ส่งทหารเข้าโรงเรียนไปปลูกฝังค่านิยมแบบทหารๆ กับเด็กนักเรียน พยายามครอบงำประชาชนให้คิดแต่ในแบบที่กองทัพต้องการ เรากลับพบว่ามีโครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสันติสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เข้ามาแทนที่ นี่คือความพยายามตบตาสภาฯใช่หรือไม่  ในเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลเห็นว่าสภาฯ ไม่พอใจกับชื่อโครงการ เลยเปลี่ยนชื่อมันเสียก็สิ้นเรื่อง พฤติกรรมแบบนี้คือการเห็นสภาผู้แทนราษฎรเป็นเพียงตรายางคิดว่าแค่ตกแต่งเอกสารให้สวยๆ ก็เอามาให้เห็นชอบได้สบายๆ ใช่หรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า โครงการเพิ่มประสิทธิภาพงานข่าวกรองและฐานข้อมูลความมั่นคง ปีนี้ตั้งงบถึง 926 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 17 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบข่าวกรองเชิงรุก ของ กอ.รมน.369 ล้านบาท โครงการนี้คือการสร้างสายข่าว ซึ่งก็เคยอภิปรายไปแล้วว่ามันคือการสร้างความแตกแยกหวาดระแวงในพื้นที่ เปิดช่องให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีและคอร์รัปชัน นอกจากนี้ กอ.รมน. ยังมีงบสนับสนุนและใช้งานเครือข่ายมวลชนเพื่องานความมั่นคงในชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่นอกแผนบูรณาการฯ อีก 665 ล้านบาท เท่ากับว่า กอ.รมน. มีงบเพื่อใช้ประโยชน์ในงานสายข่าวชายแดนภาคใต้ถึง 1,034 ล้านบาท  เว็บไซต์ที่สนับสนุนโดย กอ.รมน. ในการทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ อันเป็นการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน ยุยงให้เกิดความไม่สงบต่อไป  เมื่อเช้านี้ตนได้ลองเปิดเว็บนี้ดูอีกครั้ง มันยังอยู่ครับ และยังอัพเดตบทความสร้างความแตกแยกอยู่จนทุกวันนี้ โจมตีองค์กรสิทธิมนุษยชน โจมตีประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาลอย่างไม่มีหยุดหย่อน นี่คือส่วนหนึ่งของการเพิ่มประสิทธิภาพข่าวกรองด้วยหรือเปล่า เว็บแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสันติภาพอย่างไร และถ้าได้งบปี 64 ไป เว็บนี้ก็จะยังอยู่ทำ IO แบบนี้ต่อไปอีกใช่หรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า การติดตั้งกล้องวงจรปิด เป็นโครงการผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี 60 ถึง 65 มีวงเงินรวมถึง 611 ล้านบาท คณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เคยลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้เพื่อตรวจสอบการใช้มาตรการของรัฐ เราพบว่าทิศทางงานข่าวกรองของฝ่ายความมั่นคงเริ่มหันไปหาการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นเราจะพบเห็นการติดกล้องวงจรปิดเพื่อจับภาพบุคคล ระบบการจดจำเอกลักษณ์ทางร่างกาย นำมาบังคับใช้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเลือกปฏิบัติและปราศจากความยินยอม ยกตัวอย่างเรื่องการเก็บ DNA ของบุคคล รู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้ตำรวจและทหารได้ดำเนินการเก็บ DNA ของประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นจำนวนมาก ทั้งการเก็บแบบพุ่งเป้าไปที่ชาวมุสลิมที่มีคนในครอบครัวถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบ และการเก็บแบบเหมารวมกลุ่มบุคคลในชุมชนหรือองค์กรต่างๆ รวมถึงอาจถูกเก็บได้หลายครั้ง จากข้อมูลที่ผมได้รับทราบมา ในปี 62 มีผู้ที่ถูกเก็บ DNA ทั้งชาวบ้านทั่วไป เด็กนักเรียน ครู ผู้สูงอายุ รวมเป็นจำนวนกว่า 600 คนเป็นอย่างน้อย หรือแม้กระทั่งทหารเกณฑ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่เกณฑ์เข้ามากว่า 19,000 คนก็ถูกขอให้ยินยอม ให้เก็บ DNA เช่นกัน นี่เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างชัดแจ้ง และเป็นการปฏิบัติต่อพลเมืองราวกับเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะก่ออาชญากรรม ผมอยากถามใจของเพื่อน ส.ส. ทุกท่าน ณ ที่นี้ว่าถ้าวันนี้ตำรวจสภามาบังคับเก็บ DNA จากพวกท่าน พวกท่านจะยังคิดว่าตัวเองถูกมองเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่หรือไม่

"หากรัฐบาลมีความจริงใจต่อประชาชน ก็จงล้มเลิกโครงการโฆษณาชวนเชื่อเสีย ปรับลดงบความมั่นคงลงให้มากยิ่งกว่านี้ หยุดงานข่าวกรองที่รุกล้ำข้อมูลส่วนบุคคลแบบล้นเกิน หยุดสร้างสายข่าว ทูตแห่งความแตกแยก แล้วเอางบเหล่านั้นมาเพิ่มพูนให้กับกระบวนการสันติภาพ การเยียวยาประชาชนที่ถูกกระทำโดยรัฐ การสร้างพื้นที่ที่ผู้คนอยู่ร่วมกันโดยยังคงอัตลักษณ์ของตัวเองไว้ได้ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ พิสูจน์ความจริงใจให้เห็นผ่านการจัดสรรงบประมาณที่ถูกต้อง สำหรับในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณในวาระนี้ ผมขอยืนยันว่าผมไม่อาจยอมรับการเอาภาษีประชาชนมาเปิดห้องทดลองมนุษย์เช่นนี้ให้ยังดำเนินการต่อไปได้ และขอเรียกร้องให้เพื่อน ส.ส. ทุกท่านร่วมกันใช้ 1 เสียงในมือของท่านปิดห้องทดลองอันชั่วร้ายนี้เสีย อย่าปล่อยให้เพื่อนมนุษย์ เพื่อนร่วมชาติของพวกเราต้องกลายเป็นเพียงหนูลองยา และอย่าปล่อยให้ลูกหลานของพวกเราต้องเป็นเหยื่อรายต่อไป "นายรังสิมันต์ กล่าว