เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมียนมา แถลงว่า พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 113 ศพ หลังจากเกิดดินถล่มที่เหมืองหยกในเมืองผะก่าน (Hpakant) รัฐคะฉิ่น ภาคเหนือของเมียนมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงทำการค้นหาผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง โดยคลื่นดินโคลนถล่มใส่ประชาชนที่กำลังเก็บเศษหยก เกิดขึ้นหลังฝนตกหนัก
ยังไม่มีความชัดเจนว่า มีผู้ประสบภัยที่แท้จริงกี่คน ซึ่งมีประชาชนหลายร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ตามเหมืองต่าง ๆ เพื่อร่อนหาเศษหยกที่รถบรรทุกหลายคันนำเศษซากที่เหลือจากผู้ประกอบการรายใหญ่มาทิ้ง ด้วยความหวังว่าจะพบชิ้นหยก ซึ่งกองขยะที่รถบรรทุกนำมาทิ้งก็จะเป็นทางลาดขนาดใหญ่ ที่สามารถเป็นอันตรายได้ในพื้นที่ที่ว่างเปล่าไม่มีต้นไม้ และพื้นผิวคล้ายกับอยู่บนดวงจันทร์
เมื่อปีที่แล้ว ก็มีประชาชนมากกว่า 100 คนเสียชีวิตที่เหมืองหลายแห่ง ส่วนเมืองผะก่าน เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกใหญ่ที่สุดของโลก
ทั้งนี้ ดินถล่มและอุบัติเหตุอื่น ๆ มักเกิดขึ้นเป็นประจำในเมืองผะก่าน ซึ่งสื่อรายงานว่า ในช่วงหลายปีมานี้ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นประชาชนที่เข้าไปเก็บเศษหยก ที่เหลือจากผู้ประกอบการรายใหญ่
หลิน หม่อง เจ้าหน้าที่กระทรวงข่าวสารในเมืองผะก่าน กล่าวกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า ดินถล่มเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี
ยอดขายหยกอย่างเป็นทางการในเมียนมา คิดเป็นมูลค่า 750.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรืประมาณ 23,342 ล้านบาท ในปี 2559-2560 จากข้อมูลที่เผยแพร่โดยรัฐบาลเมียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “เครือข่ายองค์กรเพื่อความโปร่งใสในอุตสาหกรรมสกัดทรัพยากรธรรมชาติ” หรือไอไอทีไอ (Extractive Industries Transparency Initiative)
แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า มูลค่าที่แท้จริงของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งออกไปขายในจีน สูงกว่านี้มาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฎหมายเหมืองอัญมณีฉบับใหม่ของรัฐบาลเมียนมา ผ่านความเห็นชอบเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบน้อยเกินไป อีกทั้งก็มีอำนาจอย่างจำกัด ในการหยุดยั้งการกระทำที่ผิดกฎหมาย