"พรเพชร"แจง 3 ข้อเห็นชอบ"สุชาติ"กรรมการ ป.ป.ช.

2020-07-02 11:00:10

"พรเพชร"แจง 3 ข้อเห็นชอบ"สุชาติ"กรรมการ ป.ป.ช.

Advertisement

ประธานวุฒิสภาแจง 3 ข้อ กรณีวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ "สุชาติ ตระกูลเกษมสุข"  เป็นกรรมการ ป.ป.ช.

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้จัดทำเอกสารชี้แจงกรณีวุฒิสภาให้ความเห็นชอบนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  โดยมีเนื้อหาดังนี้ 1. ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการสรรหาฯ ได้มีหนังสือของคณะกรรมการสรรหาฯ ที่ สว(ปปช) เลขที่ 0008/(ส)390 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2563 ถึงประธานวุฒิสภา เรื่อง การยืนยันคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดารงตาแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตอบข้อหารือของประธานวุฒิสภา โดยมีข้อความสาคัญว่า คณะกรรมการสรรหาฯ ยืนยันมติของคณะกรรมการสรรหาในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ม.ค. 2563 โดยคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาละมีมติว่า กรณีการเคยดำรงตำแหน่งของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุขนั้นไม่ถือว่านายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาแต่ประกำรใด ดังนั้นนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข จึงเป็นผู้ที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตำมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 11(18) และตามมาตรา 16 ได้บัญญัติให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาฯ ให้เป็นที่สุด ดังนั้น กระบวนการพิจารณาและสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของคณะกรรมการสรรหาฯ จึงเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 217 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 12 และมาตรา 13 ทุกประการ

2. ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการสรรหาฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2563 สรุปความตอนหนึ่งได้ว่า กรณีปัญหาการวินิจฉัยคุณสมบัติของอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นกรรมการองค์กรอิสระได้หรือไม่นั้น คณะกรรมการสรรหาในแต่ละชุดต่างทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความสุจริต ดังนั้น ประเด็นคือต้องดูว่าคณะกรรมการสรรหาเหล่านั้นทำตามขั้นตอนและตามข้อกฎหมายหรือไม่ ถ้าคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุดได้ทำตามอานาจหน้าที่ของตนด้วยความสุจริตแล้วก็เป็นอันยุติ ส่วนเรื่องการเปิดช่องให้มีการขัดแย้งกัน (ในเรื่องควำมเห็น และการวินิจฉัย) ได้นั้น เป็นปัญหาในเรื่องการออกแบบกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ ถ้ารอบคอบตั้งแต่แรก ต้องปิดช่องไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้

3. ประธานวุฒิสภาได้ศึกษากฎหมายที่สาคัญ 3 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 โดยได้ศึกษากฎหมายทั้ง 3 ฉบับอย่างละเอียดและรอบคอบและรับฟังความคิดเห็น จากผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เพื่อที่จะหาข้อยุติในเรื่องที่ขัดแย้งในคำวินิจฉัยของกรรมการสรรหา แต่ละคณะที่มีความเห็นในบำงประเด็นแตกต่างกัน แต่ไม่พบว่ามีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้อำนาจประธานวุฒิสภาในการส่งเรื่องนี้ไปให้ศำลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอื่นใดเพื่อวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว