ทั่วโลกอ่วม ติดเชื้อโควิด-19 วันละกว่า 160,000 คน

2020-07-02 09:00:38

ทั่วโลกอ่วม ติดเชื้อโควิด-19 วันละกว่า 160,000 คน

Advertisement


ดร.ทีดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือฮู (WHO) แถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ทั่วโลก กำลังอยู่ในอัตราเร่ง โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงกว่า 160,000 คนในแต่ละวันของสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั่วโลกตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ สหรัฐอเมริกา ที่มีการระบาดหนักที่สุด ต้องสั่งปิดบาร์และชายหาดอีกครั้ง ก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อฉลองวันชาติ 4 กรกฎาคมนี้

ข้อมูลที่เผยแพร่โดยฮู ยังพบด้วยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสรายวันทำสถิติสูงสุดในวันเดียว เกิดขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 189,500 คน ส่วนก่อนวันที่ 25 มิถุนายน มีผู้ติดเชื้อรายวันแล้วกว่า 160,000 คนถึง 2 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้ การติดเชื้อรายวันไม่เคยถึง 100,000 คน จนถึงวันที่ 18 พฤษภาคม



ขณะที่ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วกว่า 511,000 คน และติดเชื้อมากกว่า 10.5 ล้านคน ทวีปอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางของการระบาดในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลกมากกว่า 127,393 คน และติดเชื้อมากกว่า 2.6 ล้านคน ผู้ติดเชื้อในสหรับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 40,000 คนต่อวัน หลายรัฐต้องกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากรัฐอื่นเป็นเวลา 14 วัน

รัฐแคลิฟอร์เนียต้องสั่งห้ามการรับประทานอาหารที่ร้านในลอสแอนเจลีส และอีกหลายเมือง ขณะที่รัฐนิวยอร์กก็ยกเลิกแผนการอนุญาตให้ร้านอาหารต่าง ๆ ให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้นับจากสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป



เฉพาะแคลิฟอร์เนีย มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสประมาณ 6,000 คน ตอนแรกได้รับเสียงชื่นชมว่ารับมือการะบาดของไวรัสได้เร็ว แต่กลับมีผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงเป็นสถิติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการเปิดเศรษฐกิจ สถานการณ์ล่าสุดนี้ จึงส่งผลกระทบต่อการฉลองวันชาติไปด้วย ซึ่งหลายเมืองทั่วสหรัฐปรับลดพิธีการต่าง ๆ ลง ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนและการแสดงดอกไม้ไฟเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันของฝูงชนจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ไวรัสระบาดมากขึ้น

ส่วนการเดินทางทางอากาศ ได้รับการพิจารณาว่ามีความเสี่ยง จึงทำให้สมาชิกในครอบครัวต่าง ๆ ลดการพบปะสังสรรค์และการทานข้าวนอกบ้าน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในวันหยุดสำคัญดังกล่าว ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งกำลังเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ มีแผนเดินทางไปยังรัฐเซาท์ดาโกตาในวันศุกร์นี้ เพื่อชมการแสดงดอกไม้ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ (The Mount Rushmore National Memorial) ซึ่งเป็นประติมากรรมแกะสลักใบหน้าของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ 4 คน คือ จอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน, ทีโอดอร์ รูสเวล และอับราฮัม ลินคอล์น บนหน้าผาของภูเขาหินแกรนิตรัชมอร์

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวแถลงว่า ทรัมป์จะเป็นประธานจัดงาน “สดุดีอเมริกา” (Salute to America) ในกรุงวอชิงตันในวันเสาร์ด้วย ซึ่งจะมีการแสดงดนตรี, สวนสนามของกองทัพ รวมทั้งการจุดดอกไม้ไฟที่สวยตระการตาเหนือเนชั่นแนล มอลล์ด้วย

ทั้งนี้ วันชาติ หรือวันประกาศอิสรภาพปีนี้ ถือเป็นการครบรอบปีที่ 244 ที่สหรัฐประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากอาณานิคมอังกฤษ ผ่านคำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา หรือ Declaration of Independence ที่ถูกประกาศขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม คริสตศักราช 1776 หรือ พ.ศ.2319