ลุงสุดมึนโดนหมายเรียกปลอมเป็น ปปส.รีดไถเงิน

2020-07-01 18:35:05

ลุงสุดมึนโดนหมายเรียกปลอมเป็น ปปส.รีดไถเงิน

Advertisement

ลุงชาวกาฬสินธุ์ สุดช็อกนอนอยู่บ้านกลับถูกหมายเรียกคดีฉ้อโกงฐานปลอมเป็น ป.ป.ส.รีดไถเงิน 

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายสมาน บุญภา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 บ้านท่าเรือ ม.3 ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมครอบครัว เดือนทางเข้าพบสื่อมวลชนเพื่อร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังได้รับหมายเรียกจาก สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา และสอบปากคำในคดีร่วมกันฉ้อโกงฐานอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.เรียกรับเงินจากผู้เสียหายจำนวน 150,000 บาท ซึ่ง นายสมาน ยันว่าไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว และไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหาย อีกทั้งไม่เคยเดินทางไป จ.อุทัยธานี คาดว่ากลุ่มมิจฉาชีพนำเอาชื่อและนามสกุล หรือเลขบัตรประชาชน ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์เพื่อเรียกรับเงิน จึงต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ

นายสมาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนและครอบครัวทุกข์ใจเป็นอย่างมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากเมื่อวานนี้ได้ไปรับหมายเรียกลงวันที่ 9 มิ.ย.63 จาก สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งถูกส่งมาจาก สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฉ้อโกง ตนจึงสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนผู้ที่ออกหมายเรียก ทำให้ทราบว่ามีผู้เสียหายเป็นผู้หญิงแจ้งความร้องทุกข์ว่ามีกลุ่มคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.ไปเรียกรับเงินจำนวน 150,000 บาทโดยใช้โทรศัพท์ติดต่อกัน ด้าน เจ้าหน้าที่ระบุว่า จากตรวจพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดติดกับผู้เสียหายเปิดใช้ในชื่อของตน จึงออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากตนไม่ไปก็จะขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับทันที




นายสมาน กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวตนและครอบครัวรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีพฤติกรรมไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่สำคัญ คือ ตนเปิดร้านขายของชำเล็กๆ ขายปลาร้า พอมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องในหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาช่วงต้นเดือนธันวาคม 2562 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เข้ามาตรวจสอบแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งตนยืนยันไปแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.นากุง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกออกหมายเรียกอีกจึงอยากร้องขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในครั้งนี้

ด้าน นายเฉลิมภัทร์ โคตรวงษ์ อายุ 42 ปี เพื่อนบ้านนายสมาน บอกว่า ตลอดระยะเวลาที่เติบโตมาและสัมผัสกับลุงสมาน เชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว เพราะลุงสมานมีนิสัยธรรมมะธรรมโม เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกหลาน โดยเปิดร้านขายของเลี้ยงหลานที่บ้านไม่ได้เดินทางไป จ.อุทัยธานี อย่างแน่นอน จึงเชื่อว่าลุงสมานจะถูกนำเอาชื่อ หรือบัตรประชาชนไปแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. เพื่อก่อเหตุดังกล่าว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือลุงสมาน ด้วย เพราะเป็นชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ



จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ร.ต.อ.สุเทพ ภุมมาพันธ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ลานสัก ซึ่งเป็นเจ้าของคดี โดย ร.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่ามีบุคคลแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.ไปเรียกรับเงินจำนวน 150,000 บาท โดยมีการติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3 ครั้ง รวมจำนวน 150,000 บาท และจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ถูกโอนเงินเข้าไปพบว่าเป็นชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ที่ จ.ชลบุรี ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดต่อกับผู้เสียหาย ถูกลงทะเบียนเปิดใช้ในชื่อของนายสมาน บุญภา ตนในฐานะพนักงานสอบสวนจึงต้องออกหมายเรียกนายสมาน เพื่อให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมาย