ย้อนรอย"บ้านสุขาวดี"ถูกสั่งให้รื้อถอนภายใน 15 วัน

2020-07-01 14:55:08

ย้อนรอย"บ้านสุขาวดี"ถูกสั่งให้รื้อถอนภายใน 15 วัน

Advertisement

รู้หรือไม่ "บ้านสุขาวดี" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเมืองพัทยา เคยถูกสั่งศาลให้รื้อถอนภายใน 15 วัน เพราะรุกล้ำที่ดินสาธารณะกว่า 11 ไร่

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ บ้านสุขาวดี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเมืองพัทยา ตั้งอยู่เลขที่ 228 ม.2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งผลให้โครงสร้างร้าวอย่างหนักจนเจ้าหน้าที่ต้องสั่งห้ามใช้อาคาร เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาคารหลังดังกล่าวจะพังถล่มลงมา ส่วนประวัติความเป็นมาของ "บ้านสุขาวดี" เกิดจาก ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของสหฟาร์ม ผู้ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรรายใหญ่ของประเทศ ได้แนวคิดสร้างบ้านสุขาวดี เมื่อปี พ.ศ.2543 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ ดร.ปัญญา อยากสวนกระแส จึงร้างคฤหาสน์หรูหราขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไทยมีความสามัคคีกลมเกลียว และมีศักยภาพไม่แพ้ต่างชาวชาติ

"บ้านสุขาวดี" ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทหลักกิโลเมตรที่ 129 บนเนื้อที่กว่า 80 ไร่ และมีชายหาดยาว 400 เมตร ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยกลุ่มอาคารร่วมสมัยที่เน้นสีชมพูและสีฟ้า ตกแต่งภายในและภายนอกเป็นแนวยุโรปผสมเอเชีย ส่วนสวนภายนอกตกแต่งอย่างสวยงามมีความหมายแฝงเชิงนามธรรม




สำหรับที่มาของคำว่า "สุขาวดี" หมายถึง ดินแดนที่มีแต่ความสุขตามความเชื่อของลัทธิมหายาน ส่วนสีของตัวบ้านที่เน้นใช้สีชมพูและสีฟ้า เพราะเป็นสีที่มีความหมายดี โดยสีชมพู เกิดจากเจ้าของผู้ก่อตั้งอยากให้สอดคล้องกับวลีที่ว่า "ที่ใดไร้รักสมัครสมานจะทำการสิ่งใดย่อมไร้ผล" ดังนั้นที่ใดที่มีความรัก มีความสามัคคี และมีความกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นั่นก็จะมีแต่เรื่องราวที่ดีและสร้างสรรค์ นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ส่วนการใช้สีฟ้าเพราะเป็นสีแห่งน้ำที่ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตบนโลก อีกทั้งยังเป็นสสารที่สามารถปรับตัวได้หลายสถานะทั้งของแข็ง ของเหลว และไอน้ำ หมายถึงสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมหรือความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ก็สามารถอยู่รอดได้

นอกจากนี้ยังมี "อาคารพระแม่กวนอิม" เปรียบเสมือนเป็นสถานที่พักอาศัยของครอบครัว โดยภายในมีห้องจัดเลี้ยงรับรองแขก และมีห้องอเนกประสงค์สำหรับประชุมสัมมนาโดยสามารถรองรับได้ถึง 500 คน ที่สำคัญ คือ เป็นที่ประดิษฐานแม่กวนอิม ปางประทานพรประทับมังกร ประดับด้วยอัญมณีที่ไม่สามารถประเมินค่าได้



ถัดมาเป็น "อาคารโดมพระ" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งพระพุทธรูปปางประสูติสูง 9.28 เมตร พระหัตถ์ขวาชี้ฟ้า พระหัตถ์ซ้ายชี้ดิน เป็นการแสดงความหมายเชิงนามธรรมว่า "ในโลกนี้เมื่อมีฟ้าย่อมมีดิน พระพุทธองค์เจตนาให้ทุกคนเห็นสิ่งตรงข้ามที่อยู่ในโลกนี้ แม้ตอนนี้จะประสบความสำเร็จ แต่ไม่นานก็อาจจะตกสู่ความล้มเหลวได้ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยปริศนาธรรมและให้สัจธรรมมากมาย

นอกจากนี้ยังมี "อาคารพุทธบารมี" ซึ่งก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 เป็นอาคารหอประชุมที่ตกแต่งอย่างอลังการ เช่น จิตรกรรมฝาผนังสวยงามสร้างสรรค์โดยกรมศิลปากร พื้นปูด้วยพรมชิ้นเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก อาคารหลังนี้มีห้องประชุมสัมมนาจำนวนมากสำหรับจัดกิจกรรมของสหฟาร์มและบริษัทในเครือ อาคารพุทธบารมีเคยเป็นสถานที่ต้อนรับบุคคลสำคัญและจัดงานระดับชาติมาแล้ว นอกจากนี้ภายในยัง "ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ" พร้อมตกแต่งอย่างสวยงามสมพระพุทธบารมี

ขณะเดียวกันยังมีบริการ "ห้องอาหาร" ขนาดใหญ่ไ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวถึง 3 ห้อง และยังมีบริการรถรางนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมบริเวณพื้นที่ภายนอกที่เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงาม รวมทั้งสระน้ำขนาดใหญ่ รวมทั้งยังพาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สหฟาร์มในราคาพิเศษอีกด้วย



อย่างไรก็ตาม "บ้านสุขาวดี" ไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่ผู้ก่อสร้างตั้งใจไว้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า "บ้านสุขาวดี" รุกล้ำที่ดินสาธารณะกว่า 11 ไร่ จึงต้องรื้อถอน ส่งผลให้เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2563 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา มอบหมายให้นายสุธรรม เพ็ชรเกตุ รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา พร้อมข้าราชการ และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง เข้าไปปิดประกาศคำวินิจฉัยคำพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ณ อาคารมูลกรณี เพื่อให้ บริษัท เฮลท์ฟู้ดธ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ในนาม บ้านสุขาวดี รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่ 08-23-01-2563 ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในเขตเทศบาล เขตเมืองพัทยา หรือเขตราชการส่วนท้องถิ่นอื่นในจังหวัดชลบุรี

โดยขณะนั้น รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา ยืนยันว่า เมืองพัทยา มีคำสั่งถึง 6 คำสั่งให้ทางบริษัท เฮลท์ฟู้ดธ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ในนามบ้านสุขาวดี ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องบุกรุกที่ดินสาธารณะและสิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้น เป็นเหตุให้นางวาล เตชะวงศ์ และนางสาวจันทยา จันทร์ไชยแก้ว ซึ่งทั้ง 2 คนมีชื่ออยู่ในคณะกรรมการและประทับตราสำคัญของบริษัท ไปยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ต่อมาพบว่าทั้ง 2 คนเป็นผู้ลงนามในหนังสืออุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งไม่ปรากฏการประทับตราสำคัญของบริษัท เฮลธ์ ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) แต่อย่างใด เมืองพัทยาจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยปิดคำวินิจฉัยไม่รับคำอุทธรณ์ จึงเตรียมเครื่องมือหนักเพื่อเข้าไปดำเนินการรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างซึ่งรุกล้ำที่สาธารณะที่เมืองพัทยาดูแล จำนวน 11 ไร่ จึงต้องติดตามกันต่อว่า สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ จะเปิดให้บริการอีกหรือไม่