สตม.ทลายแก๊งขนแรงงานต่างด้าวรายใหญ่

2020-06-29 18:30:17

สตม.ทลายแก๊งขนแรงงานต่างด้าวรายใหญ่

Advertisement

สตม.ทลายแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวรายใหญ่ภาคตะวันออก จ่อรวบ "เจ๊ต้อย วังน้ำเย็น" ตัวการใหญ่

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ , พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปฺฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติ ราชการ สตม., พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จังหวัดสระแก้ว ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวรายใหญ่ของภาคตะวันออก ประกอบด้วย 1.นายปราโมทย์ อายุ 54 ปี สัญชาติไทย 2.นายพจภิรุณ อายุ 25 ปี สัญชาติไทย และ 3.นายประดิษฐ อายุ 46 ปี สัญชาติไทย

ผบช.สตม. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวดังกล่าวโดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกับพวกที่หลบหนีร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยตนรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ส่วนแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 4 ราย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวเพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย




ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า บุคคลต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปแล้ว แต่ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้งตามช่องทางธรรมชาติที่บริเวณชายแดนด่านถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยทราบว่าปัจจุบันมีการปิดด่านพรมแดนเนื่องจากสถานการณ์การแพระระบาดของไวรัสโควิด-19 วิธีการ คือ จะให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติในเวลาเช้ามืดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นจับกุม และจะนำรถยนต์ไปบรรทุกเพื่อขนถ่ายใส่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบก่อนลักลอบเดินทางเข้าเมืองชั้นใน โดยกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวจะถือหนังสือเดินทางเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบ

พล.ต.ท.สมพงษ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ต่อมาพบผู้ต้องหาที่ถูกจับรายแรก เป็นผู้ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว เข้ามาจอดในที่เกิดเหตุ หากสังเกตภายในรถจะพบคนต่างด้าวจำนวน 4 ราย ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2 ขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำตาล ซึ่งมีผู้ต้องหารายที่ 3 นั่งโดยสารมาด้วย โดยเข้ามาจอดในที่เกิดเหตุใกล้กัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ก่อนพบคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงทำการจับกุมก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 เพื่อดำเนินคดีไปตามกฎหมาย



ผบช.สตม. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 กลุ่ม คือ นายสุรศักดิ์ อายุ 26 ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า ร่วมกับพวกที่หลบหนีร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดยตนรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 6 ราย โดยกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวเพื่อเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายซึ่งพักอาศัยอยู่ใน กทม.และปริมณฑล โดยใช้รถยนต์กระบะส่วนบุคคล 2 คันลักลอบเดินทางเข้า-ออกตามช่องทางธรรมชาติที่บริเวณชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยติดตาม ก่อนแสดงตัวเข้าจับกุม

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำนายสุรศักดิ์ ให้การว่า เป็นคนขับรถยนต์คันแรกโดยบรรทุกสัมภาระและผู้โดยสารชาวต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 5 ราย ส่วนผู้ขับขี่รถยนต์คันที่ 2 พยายามขับรถยนต์ดังกล่าวพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลบหนีการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงขับรถติดตาม ต่อมาผู้ต้องหาจอดให้ชาวต่างด้าวลงจากรถ ก่อนขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหลังบ้านเรือนประชาชน หมู่บ้านหินกอง ต.ไทรทอง อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ก่อนที่ผู้ต้องหาจะวิ่งหลบหนีไป จากการตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และเมื่อตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าวที่ถูกทิ้งไว้สามารถจับกุมชาวกัมพูชาได้อีก 1 ราย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาเคสที่ 3 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายสงกรานต์ อายุ 57 ปี และนายนพดล อายุ 58 ปี สัญชาติไทย ฐานซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการจับกุม และชาวกัมพูชา 13 ราย ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมด้วยของกลางรถกระบะดัดแปลง ยี่ห้อ นิสสัน สีเทา 1 คัน, รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เพื่อเดินทางต่อไปยัง จ.สมุทรปราการ จึงได้วางกำลังตามเส้นทาง กระทั่งเวลา 05.30 น. พบรถยนต์ต้องสงสัยมีลักษณะตามที่สายข่าวแจ้งไว้ จึงสะกดรอยติดตามจนกระทั่งรถยนต์ทั้ง 2 คันเข้าไปในปั้มน้ำมันใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ



ผบช.สตม. กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบนายสงกรานต์ อายุ 57 ปี และนายนพดล อายุ 58 ปี เป็นผู้ขับขี่ และมีผู้โดยสารนั่งร่วมมาด้วยจำนวน 13 ราย เป็นคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จึงขอตรวจเอกสารการเดินทาง ปรากฏว่าชาวกัมพูชาทั้งหมด ไม่สามารถแสดงเอกสารการเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ได้ เมื่อสอบถามทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าเป็นชาวกัมพูชา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อเดินทางไปทำงานใน จ.สมุทรปราการ โดยจ่ายค่าจ้างโดยสารคนละ 3,000 บาท นอกจากนี้ คนไทยทั้ง 2 ราย ยังให้การซัดทอดไปถึง "เจ๊ต้อย วังน้ำเย็น" นายหน้าค้าแรงงานต่างด้าวรายใหญ่ ขระนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดโดยเร็วที่สุด