รับลุคใหม่นายกฯหลังโควิด ชวนมีส่วนร่วม-ประเมินงานรัฐ

2020-06-18 21:20:23

รับลุคใหม่นายกฯหลังโควิด   ชวนมีส่วนร่วม-ประเมินงานรัฐ

Advertisement



รายงานการติดเชื้อโควิด-19 ของไทยวันที่ 18 มิ.ย.63 พบใหม่ 6 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ อยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ ทำให้ผู้ป่วยสะสมเป็น 3,141 ราย กลับบ้านได้วันนี้ 1 ราย รวมที่รักษาหาย 2,997 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาล 86 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม


ไม่มีผู้ติดเชื้อจากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 2


ผู้ติดเชื้อทั้ง 6 มาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย 5 ราย เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 23-27 ปี มาถึงวันที่ 12มิ.ย.63 เข้า State Quarantine วันแรกไม่มีอาการ วันที่ 16 มิ.ย.63 จึงตรวจพบเชื้อ อีก 1 ราย เป็นหญิงอายุ 26 ปี เดินทางจากประเทศอินเดียถึงไทยวันที่ 15มิ.ย.63 มีไข้สูง ส่งตรวจพบเชื้อวันที่ 16มิ.ย.63 






ด้านสถานการณ์ทั่วโลก ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 142,244 ราย ยอดสะสม 8,400,129 ราย เสียชีวิตแล้ว 451,263 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด 3 อันดับแรกวันนี้ บราซิล 31,475 ราย สหรัฐอเมริกา 26,071 ราย อินเดีย 13,103 ราย โดยผู้ติดเชื้อสูดสุดในรอบ 1 วัน คือ บราซิล ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 960,309 ราย


ในกลุ่มอาเซียนวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้ออินโดนีเซีย มากกว่าสิงคโปร์แล้ว





รายงานการติดเชื้อรายใหม่ แม้ในประเทศจะไม่พบมานานกว่า 3 สัปดาห์ แต่ประชาชนก็ยังได้รับการแนะนำการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ หรือนิว นอร์มอล ทั้งที่เป็นทางการและในระหว่างการรับบริการจากกิจการ/ กิจกรรมต่าง ๆ เช่นการรับประทานอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ให้สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย พร้อมกับการใช้เจลแอลกอฮอล์ ล้างมือ และการมีระยะห่าง 



ช่วงเย็นวันที่17มิ.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม ได้ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง “วิธีการทำงานแบบ New Normal ของนายกรัฐมนตรี” ใจความว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเป็นรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า New Normal รวม 3 ประเด็น ได้แก่


1. ผนึกทุกภาคส่วนร่วมวางอนาคตประเทศไทย จะดึงทุกภาคส่วน ทุกระดับ เข้ามีส่วนร่วมและบทบาทมากขึ้น ในการกำหนดอนาคตของประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีจะรับฟังวิสัยทัศน์ด้วยตัวเอง 2.ประเมินผลงานภาครัฐ โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริง เปิดให้ประชาชนมีบทบาทประเมินผล แสดงความคิดเห็นในโครงการต่าง ๆ ให้รัฐบาลรับทราบโดยตรง 3.ทำงานเชิงรุก โดยนายกรัฐมนตรีจะกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างประโยชน์กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และจะติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลจริง อย่างมีประสิทธิภาพ



ในแถลงการณ์ครั้งนี้ ยังเชิญชวนประชาชนไทย ร่วมเดินหน้าภารกิจสำคัญ คือรวมไทยสร้างชาติ และตอนท้ายของแถลงการณ์ ได้กล่าวคาดหวังว่า วิกฤตโควิดในครั้งนี้ จะช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศ ให้ไทยก้าวเดินออกจากหายนะโควิด ไปเป็นประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ได้การยอมรับจากนานาประเทศมากขึ้น มีความแน่นแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่าเดิม 






นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า วิกฤติโควิด ทำให้เห็นความแข็งแกร่งของคนไทยที่เต็มใจร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว ประเทศไทยมีคนเก่ง มีความรู้ความสามารถเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ บทพิสูจน์อย่างหนึ่งคือความร่วมมือในการสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาด เช่นการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ด้วยสัดส่วนมากถึง 92% และเมื่อนำแอปพลิเคชันไทยชนะ เพื่อให้เช็กอินบันทึกการเข้าออก สถานที่ต่างๆ ก็มีจำนวนการใช้เพิ่มขึ้น เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ลดจำนวนลงบ้าง


ผศ.(พิเศษ) นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เปิดเผยว่าแอปฯไทยชนะ ใช้งานมาครบ 1 เดือน พบกิจการ 5 อันดับแรก ที่มีผู้เข้าใช้งานสูงสุด ได้แก่ 1.ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ภัตตาคาร ร้านอาหาร 2.ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก-ส่ง 3.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ 4.ที่ทำการหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ และ 5.การให้บริการ (รวมถึงบริการนวดและสปา) ตามลำดับ ส่วนกลุ่มตลาดนัด ตลาดค้าส่ง หาบเร่ แผงลอย และรถเข็น ใช้น้อยกว่ากิจกรรมอื่นๆ


คุณหมอผู้ตรวจบอกที่น่าเป็นห่วงก็ตรงช่วงหลัง กลุ่มห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร มีแนวโน้มจะจัดการมาตรการ 5 ข้อ น้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชนที่ใช้บริการ หากเกิดการระบาดรอบสอง (Second Wave)


จึงอยากขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ เคร่งครัดกับการจัดการตามมาตรการดังกล่าวด้วย


เพื่อให้เห็นว่า พร้อมจะร่วมผนึกกับนายกรัฐมนตรีกำหนดอนาคตของประเทศ ตามวิถีนิวนอร์มอลที่ประกาศ